บริหารจัดการอาคาร: รูปแบบผ้าม่าน แบบไหนที่เหมาะกับบ้านคุณนอกจากจะต้องเลือก เนื้อผ้า สีสัน และลวดลายผ้าม่านแล้ว ยังต้องเลือกรูปแบบม่านอีก เพื่อให้ผ้าม่านที่เลือกนั้นเหมาะสมกับการใช้งานทั้งผ้าม่านหน้าต่าง ผ้าม่านประตู และเข้ากันกับสไตล์ในแต่ละพื้นที่ภายในบ้าน ชวนคุณมาทำความรู้จักกับม่านแต่ละรูปแบบก่อนที่จะเลือกผ้าม่านไปติดตั้งในบ้านกัน
1. ผ้าม่านจีบ - คลาสสิค ร่วมสมัย สวยหรู
เป็นม่านรูปแบบมาตรฐานที่ทุกบ้านนิยมเลือกใช้กันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะม่านรูปแบบนี้สามารถเข้ากันได้กับห้องทั่ว ๆ ไปได้แทบจะทุกสไตล์ ลักษณะของม่านจีบ จะมีการจับจีบที่ผ้าม่านด้านบน เป็นจีบ 3 จีบ ทำให้ผ้าม่านมีลอนสวยงาม และสามารถติดผ้าได้ 2 ชั้นคือม่านโปร่งและม่านทึบ หากบานหน้าต่างหรือประตูยิ่งเป็นบานใหญ่และสูง แล้วเลือกติดม่านจีบจะยิ่งทำให้ห้องนั้นดูสวยหรู อลังการ หรือหากต้องการให้ห้องนั้นมีอารมณ์ร่วมสมัย เรียบหรู และดูเรียบร้อย ให้ทำรางม่านซ่อนบนฝ้าเพดานได้
2. ผ้าม่านตาไก่ - โดดเด่น ดีไซน์สวย ไม่ตกยุค
สำหรับคนที่เน้นความทันสมัย ไม่ตกเทรนด์ ออกแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น แนะนำให้เลือกติดม่านตาไก่ ลักษณะของม่านรูปแบบนี้ จะโชว์รางม่านชัดเจน โดยสามารถเลือกแบบรางม่าน และหัวรางให้เข้ากับสไตล์ของห้องได้ ส่วนผ้าม่านที่ได้จากการสอดผ่านห่วงตาไก่ จะได้ลอนที่ดูพริ้วไหว สวยงาม เพิ่มมิติให้ห้องดูมีเสน่ห์มากขึ้น
3. ผ้าม่านหูกระเช้า - ดูเก๋ มีเสน่ห์ เป็นกันเอง
ม่านรูปแบบนี้จะให้อารมณ์เก๋ ๆ สนุกสนาน เป็นกันเอง จึงเหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน แต่ไม่เหมาะที่จะเลือกใช้กับห้องหรือสถานที่ที่เป็นทางการ จุดเด่นของม่านหูกระเช้า คือ หูแขวนรางม่าน จะให้อารมณ์น่ารัก และเก๋ ม่านหูกระเช้าเป็นม่านรูปแบบเดียวที่ใช้ผ้าเป็นตัวคล้องรางแทนห่วงม่าน เวลารูดเปิด-ปิดผ้าม่านอาจไม่ค่อยคล่องเหมือนรางชนิดอื่น เพราะผ้าที่เป็นหูแขวนสัมผัสกับรางม่านโดยตรง จะทำให้มีความฝืด แต่ก็ถอดซักได้ง่าย
4. ผ้าม่านลอน - เรียบง่าย ดูดี ไม่หรูจนเกินไป
ลักษณะของม่านลอน ผสมผสานระหว่างม่านตาไก่ และม่านจีบเข้าไว้ด้วยกัน โดยลักษณะของผ้าจะเป็นลอนพับไปมา คล้ายม่านตาไก่ แต่ไม่มีการเจาะห่วงที่ด้านบนผ้าม่าน จะถูกล็อคผ้าม่านให้เป็นลอนคล้ายม่านจีบแทน ม่านรูปแบบนี้เหมาะกับการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล การจัดบ้านแบบเรียบง่าย สบาย ๆ แต่ยังคงเรียบหรูและดูดี ไม่เบื่อง่าย เนื่องจากบริเวณหัวผ้าม่านจะไม่มีการจับจีบ และปล่อยหัวผ้าม่านให้เป็นลอนโค้งอิสระไปจนสุดปลายผ้า จึงดูเป็นระเบียบเรียบร้อย สบายตา และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
5. ผ้าม่านม้วน - โมเดิร์น เหมาะกับคนรุ่นใหม่
ด้วยความที่ม่านม้วนมีรูปแบบที่ทันสมัย และลักษณะพิเศษของม่านคือ เป็นผ้าผืนใหญ่ที่สามารถม้วนเก็บได้อย่างมิดชิดเรียบร้อย ทำให้ประหยัดพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นม่านที่ไม่เก็บฝุ่น ทำความสะอาดได้ง่าย จึงอยากแนะนำให้คนที่ตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น ออฟฟิตสำนักงาน หรือร้านค้าที่ต้องการความเป็นสมัยใหม่เลือกม่านชนิดนี้ไปติดตั้งได้ ซึ่งม่านม้วนก็จะมีให้เลือกอีก 3 แบบด้วยกัน คือ แบบทึบแสง (Blackout) สามารถกันแสงได้ถึง 90-100 % ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวได้มาก แบบกรองแสง (Sunscreen) แสงสามารถส่องผ่านได้บ้าง และตอนกลางวันคนที่อยู่ภายในจะเห็นวิวภายนอกได้ แต่คนภายนอกจะมองไม่เห็นภายใน ส่วนในเวลากลางคืนจะตรงกันข้ามกัน แบบสุดท้ายแบบโปร่งแสง (Dimout) แสงผ่านได้ แต่ทั้งภายในและภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นกันได้
6. ผ้าม่านพับ - รูปแบบทันสมัย เรียบหรู
ม่านรูปแบบนี้ เหมาะกับหน้าต่างบานแคบ หรือหน้าต่างบานเล็กที่ติดกันหลายบาน เพราะจะได้เลือกบานเปิดม่านได้ ไม่ต้องเปิดทั้งหมด ม่านพับจะคล้ายกับม่านม้วน คือ เมื่อต้องการเปิดม่าน ให้ดึงรอกให้ผ้าม่านเก็บขึ้นไปด้านบน ม่านม้วน ผ้าก็จะม้วนขึ้นไปด้านบน ส่วนม่านพับ ผ้าจะพับขึ้นไปเป็นชั้น ๆ เรียงซ้อนกันขึ้นไป ม่านม้วนและม่านพับจะแตกต่างกันที่สไตล์ ม่านม้วนจะออกไปทางโมเดิร์นแบบเรียบง่าย แต่ม่านพับจะเป็นโมเดิร์นแบบเรียบหรู
7. มู่ลี่ - ดีไซน์เรียบง่าย แต่มีสไตล์
มีทั้งแบบที่เป็นไม้ และอลูมิเนียม แต่ใน 2 แบบนี้ ก็จะมีชนิดของไม้และอลูมิเนียมให้เลือกตามความต้องการอีก ซึ่งแบบไม้จะให้ความรู้สึกอบอุ่น ส่วนแบบอลูมิเนียมจะให้ความรู้สึกโมเดิร์นกว่า ในเรื่องของคุณสมบัติ มู่ลี่แตกต่างจากม่านแบบอื่น ๆ คือ สามารถปรับแสง โดยการปรับบานเข้าหรือออก เพื่อให้ได้ทิศทางหรือขนาดช่องแสงตามต้องการ นิยมใช้ในบริเวณที่ไม่สามารถใช้ผ้าม่านได้ เช่น ห้องน้ำโซนเปียก และห้องครัวที่ต้องมีคราบน้ำมัน เพราะสามารถทำความสะอาดได้ง่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องความเปียกชื้น หรือหากใครจะเลือกมู่ลี่ไปตกแต่งห้องอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ มู่ลี่จะให้กลิ่นอายความเป็นเอเชียและความโมเดิร์นผสมผสานกันอยู่อย่างลงตัว รับรองว่าบ้านคุณจะดูดี มีสไตล์แน่นอน