ลงประกาศฟรีออนไลน์ , เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ, ลงประกาศฟรี โพสฟรี
หมวดหมู่ทั่วไป => โพสประกาศขายฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 3 ตุลาคม 2025, 13:21:45 น.
-
หมอประจำบ้าน: กลุ่มอาการระบายลมหายใจเกิน (Hyperventilation Syndrome) (https://doctorathome.com)
กลุ่มอาการระบายลมหายใจเกิน (Hyperventilation Syndrome) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่าภาวะหายใจเกิน คืออาการที่บุคคลหายใจเร็วและ/หรือหายใจลึกเกินกว่าความต้องการของร่างกายอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ได้เกิดจากการออกกำลังกายหนัก
ภาวะนี้ทำให้ร่างกายมีการขับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ออกจากเลือดมากเกินไป จนทำให้ระดับ CO₂ ในเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะเลือดเป็นด่าง (Respiratory Alkalosis) และกระตุ้นให้เกิดอาการทางร่างกายและจิตใจที่ไม่พึงประสงค์ตามมา
สาเหตุหลักของกลุ่มอาการระบายลมหายใจเกิน
สาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางอารมณ์และจิตใจ โดยเฉพาะเมื่อมีภาวะกระตุ้นเฉียบพลัน:
ความวิตกกังวล/ความตื่นตระหนก (Anxiety/Panic Attack): เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โดยร่างกายตอบสนองต่อความเครียดหรือความกลัวอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการหายใจหอบถี่
ความเครียดและอารมณ์รุนแรง: เช่น ความโกรธ ความเสียใจอย่างหนัก หรือความกดดันทางจิตใจ
นิสัยการหายใจผิดปกติเรื้อรัง: บางคนอาจมีรูปแบบการหายใจที่ผิดปกติอยู่แล้ว โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าอกในการหายใจมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะหายใจเกินได้ง่ายแม้มีสิ่งกระตุ้นเพียงเล็กน้อย
หมายเหตุ: ภาวะหายใจเกินอาจเกิดจากสาเหตุทางกายอื่น ๆ ได้บ้าง เช่น ไข้สูง การบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่กลุ่มอาการนี้มักหมายถึงภาวะที่เกิดจากสาเหตุทางจิตใจเป็นหลัก
อาการที่พบบ่อย
อาการมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ (ประมาณ 20-30 นาที) และเป็นผลมาจากระดับ CO₂ ในเลือดที่ลดต่ำลง:
อาการที่เกี่ยวกับระบบหายใจและหัวใจ
หายใจเร็ว หอบลึก: รู้สึกหายใจไม่อิ่ม เหมือนขาดอากาศ ทั้งที่จริง ๆ แล้วกำลังหายใจมากเกินไป
แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก: คล้ายอาการของโรคหัวใจ ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิด
ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
อาการที่เกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
เวียนศีรษะ หน้ามืด มึนงง หรือรู้สึกหวิวเหมือนจะเป็นลม
ชาหรือปวดเสียว (เหน็บชา): มักเกิดที่บริเวณปลายมือ ปลายเท้า และ รอบปาก
มือจีบเกร็ง (Tetany): กล้ามเนื้อมือและเท้าหดเกร็ง
อาการทางอารมณ์
รู้สึกกังวล กระวนกระวาย หรือตื่นตระหนก
รู้สึกไม่เป็นจริง (Derealization/Depersonalization)
การปฐมพยาบาลและการรักษาเบื้องต้น
เป้าหมายคือการ เพิ่มระดับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ในเลือดให้กลับสู่สมดุล และทำให้การหายใจช้าลง:
ตั้งสติและปลอบโยน: ผู้ที่ช่วยเหลือควรพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบและให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วยว่าอาการนี้ ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต (เช่น "คุณปลอดภัยดี", "อาการนี้จะหายไป")
ฝึกหายใจช้าลง:
หายใจเข้า-ออกทางปากที่ห่อริมฝีปาก: ห่อปากให้เล็กเหมือนเป่าเทียน และหายใจออกช้า ๆ จะช่วยชะลอการหายใจ
หายใจโดยใช้หน้าท้อง (Diaphragmatic Breathing): พยายามหายใจเข้าลึก ๆ ให้ท้องป่อง และหายใจออกช้า ๆ โดยใช้หน้าท้องแทนการหายใจถี่ ๆ ด้วยหน้าอก
การหายใจในถุงกระดาษ (ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์): ในอดีตมีการแนะนำให้หายใจเข้า-ออกในถุงกระดาษ เพื่อนำ CO₂ กลับเข้าร่างกาย แต่ปัจจุบันแนะนำให้ฝึกหายใจช้า ๆ ตามข้อบนแทน เพราะปลอดภัยกว่า
การรักษาในระยะยาว
หากมีอาการกำเริบบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษา โดยอาจรวมถึง:
การฝึกควบคุมการหายใจ (Breathing Retraining): ฝึกรูปแบบการหายใจที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ
จิตบำบัด (Psychotherapy): เช่น Cognitive Behavioral Therapy (CBT) เพื่อจัดการกับสาเหตุหลักคือความวิตกกังวลหรือภาวะตื่นตระหนก
ยา: ในบางกรณีอาจต้องใช้ยาร่วมด้วยเพื่อช่วยควบคุมอาการวิตกกังวล
สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจว่าอาการนี้เกิดจากกลไกทางสรีรวิทยาและอารมณ์ และไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต การตระหนักรู้นี้จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอาการได้ดีขึ้นมากค่ะ