แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 17
1
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



2
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: เบาหวาน (Diabetes mellitus/DM)

เบาหวาน เป็นโรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการนำน้ำตาลไปใช้ประโยชน์อันเกี่ยวเนื่องกับความบกพร่องของฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) ทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งก่อให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา

ในบ้านเราพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 9 ของประชากรไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป และพบเป็นมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ผู้ที่มีอายุ 15-29 ปีพบได้ประมาณร้อยละ 2 ในขณะที่อายุ 60-69  ปีขึ้นไปพบได้ถึงร้อยละประมาณ 20

ผู้ที่เป็นเบาหวานมักมีประวัติว่ามีพ่อแม่ หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ และมักมีภาวะน้ำหนักเกินร่วมด้วย

สาเหตุ

เกิดจากความพบพร่องของฮอร์โมนอินซูลิน

อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยตับอ่อน (ส่วนที่เรียกว่า บีตาเซลล์) ทำหน้าที่ช่วยนำน้ำตาลหรือกลูโคสในเลือด (ซึ่งได้จากอาหารที่กิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรต ของหวาน) เข้าสู่เซลล์ทั่วร่างกาย เพื่อเผาผลาญให้เป็นพลังงานสำหรับการทำหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ

ผู้ที่เป็นเบาหวานจะพบว่าตับอ่อนผลิตอินซูลินได้น้อยหรือไม่ได้เลย หรือผลิตได้ปกติ แต่ประสิทธิภาพของอินซูลินลดลง (เรียกว่า ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือ insulin resistance เช่นที่พบในคนอ้วน) เมื่อขาดอินซูลินหรืออินซูลินทำหน้าที่ไม่ได้ น้ำตาลในเลือดจึงเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ได้น้อยกว่าปกติ จึงเกิดการคั่งของน้ำตาลในเลือด และน้ำตาลก็ถูกขับออกมาทางปัสสาวะ จึงเรียกว่า เบาหวาน

ผู้ป่วยที่เป็นมาก คือมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก มักจะมีอาการปัสสาวะบ่อยและมาก เนื่องจากน้ำตาลที่ออกมาทางไตจะดึงเอาน้ำออกมาด้วย จึงทำให้มีปัสสาวะมากกว่าปกติ เมื่อถ่ายปัสสาวะมาก ก็ทำให้รู้สึกกระหายน้ำต้องคอยดื่มน้ำบ่อย ๆ และเนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถนำน้ำตาลมาเผาผลาญเป็นพลังงานจึงหันมาเผาผลาญกล้ามเนื้อและไขมันแทน ทำให้ร่างกายผ่ายผอม ไม่มีไขมัน กล้ามเนื้อฝ่อลีบ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง

นอกจากนี้ การมีน้ำตาลในเลือดสูงนาน ๆ ทำให้อวัยวะต่าง ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ และนำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนมากมาย

เบาหวานสามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิด ซึ่งมีสาเหตุ ความรุนแรง และการรักษาต่างกัน ที่สำคัญได้แก่

1. เบาหวานชนิดที่ 1 (type 1 diabetes mellitus) เป็นชนิดที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงและอันตรายสูง มักพบในเด็กและผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี แต่ก็อาจพบในผู้สูงอายุได้บ้าง ตับอ่อนของผู้ป่วยชนิดนี้จะผลิตอินซูลินไม่ได้เลยหรือได้น้อยมาก เชื่อว่าร่างกายมีการสร้างสารภูมิต้านทานขึ้นต่อต้านทำลายตับอ่อนของตนเองจนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ดังที่เรียกว่า โรคภูมิต้านตนเอง (autoimmune) ทั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ร่วมกับการติดเชื้อ หรือการได้รับสารพิษจากภายนอก

ผู้ป่วยจะมีรูปร่างผอม มีอาการของโรคชัดเจน และจำเป็นต้องพึ่งพาการฉีดอินซูลินเข้าทดแทนทุกวันไปตลอดชีวิต จึงจะสามารถเผาผลาญน้ำตาลได้เป็นปกติ มิเช่นนั้นร่างกายจะหันไปเผาผลาญไขมันแทนจนทำให้ผ่ายผอมอย่างรวดเร็ว และถ้าเป็นรุนแรงจะมีการคั่งของสารคีโตน (ketones) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการเผาผลาญไขมัน สารนี้จะเป็นพิษต่อระบบประสาททำให้ผู้ป่วยหมดสติถึงตายได้รวดเร็ว เรียกว่า ภาวะคั่งสารคีโตน (ketosis)

ผู้ป่วยกลุ่มนี้แต่เดิมเรียกว่า เบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน (insulin-dependent diabetes mellitus/IDDM)

2. เบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes mellitus) เป็นเบาหวานชนิดที่พบเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักมีความรุนแรงน้อย มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป และมีแนวโน้มพบในเด็ก/วัยรุ่นมากขึ้น ตับอ่อนของผู้ป่วยชนิดนี้ยังสามารถผลิตอินซูลินได้ แต่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย หรือผลิตได้พอ แต่เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน จึงทำให้มีน้ำตาลคั่งในเลือดกลายเป็นเบาหวานได้ ผู้ป่วยชนิดนี้มักมีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน สาเหตุอาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรืออ้วนเกินไป ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการชัดเจน และมักไม่เกิดภาวะคีโตซีสเช่นที่เกิดกับชนิดที่ 1 การควบคุมอาหารหรือการใช้ยาเบาหวานชนิดกิน มักได้ผลในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติได้ หรือบางครั้งถ้าระดับน้ำตาลสูงมาก ๆ ก็อาจต้องใช้อินซูลินฉีดเป็นครั้งคราว ยกเว้นในรายที่ดื้อต่อยากินอาจต้องใช้อินซูลินตลอดไป

ผู้ป่วยกลุ่มนี้แต่เดิมเรียกว่า เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (non-insulin-dependent diabetes mellitus /NIDDM) และเนื่องจากเป็นกลุ่มที่พบได้บ่อย เมื่อพูดถึงโรคเบาหวาน จึงมักหมายถึงเบาหวานชนิดนี้

3. เบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะอื่น ๆ อาทิ

    เกิดจากยา เช่น สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะไทอาไซด์ กรดนิโคตินิก ฮอร์โมนไทรอยด์
    พบร่วมกับโรคหรือภาวะผิดปกติทางกรรมพันธุ์ เช่น

          - พบร่วมกับโรคติดเชื้อ เช่น คางทูม หัดเยอรมันโดยกำเนิด โรคติดเชื้อไวรัสไซโตเมกะโล (cytomegalovirus)
          - พบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น มะเร็งตับอ่อน ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักพบในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด โรคคุชชิง กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง อะโครเมกาลี (acromegaly) ฟีโอโครโมไซโตมา (pheochromocytoma ซึ่งเป็นเนื้องอกของต่อมหมวกไตชนิดหนึ่ง)

ถ้าเกิดจากสาเหตุที่แก้ไขได้ เช่น ผ่าตัดเนื้องอกออกไป หรือหยุดยาที่เป็นต้นเหตุ โรคเบาหวานก็สามารถหายได้

4. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus/GDM) ขณะตั้งครรภ์รกสร้างฮอร์โมนหลายชนิดซึ่งเข้าไปในร่างกายหญิงตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน เป็นเหตุให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนกลายเป็นเบาหวานได้ หลังคลอดระดับน้ำตาลในเลือดมารดามักจะกลับสู่ปกติ

หญิงกลุ่มนี้อาจคลอดทารกตัวโต (น้ำหนักแรกเกิดมากกว่า 4 กก.) มักเป็นเบาหวานซ้ำอีกเมื่อตั้งครรภ์ใหม่ และมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานเรื้อรังตามมาในระยะยาว

อาการ

ในรายที่เป็นไม่มาก ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เกิน 200 มก./ดล. ซึ่งพบในกลุ่มเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายดีและไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ มักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะ หรือตรวจเลือดขณะไปพบแพทย์ด้วยเรื่องอื่น หรือจากการตรวจเช็กสุขภาพ

ในรายที่เป็นมาก ระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่า 200 มก./ดล. ซึ่งพบในกลุ่มเบาหวานชนิดที่ 1 และบางส่วนของเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นถึงขั้นรุนแรง ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะบ่อยและออกครั้งละมาก ๆ กระหายน้ำบ่อย หิวบ่อยหรือกินข้าวจุ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง บางรายอาจสังเกตว่าปัสสาวะมีมดขึ้น

ในรายที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 อาการต่าง ๆ มักเกิดขึ้นรวดเร็วร่วมกับน้ำหนักตัวลดลงฮวบฮาบ (กินเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน) ผู้ป่วยเด็กบางรายอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอนตอนกลางคืน ผู้ป่วยบางรายอาจมาโรงพยาบาลด้วยอาการหมดสติด้วยภาวะคีโตแอซิโดชิส (ketoacidosis) ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอายุน้อยและรูปร่างผอม

ในรายที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแสดงชัดเจน ส่วนน้อยจะมีอาการผิดปกติดังกล่าวข้างต้น น้ำหนักตัวอาจลดลงบ้างเล็กน้อย บางรายอาจมีน้ำหนักขึ้น ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนอยู่แต่เดิม ในรายที่เป็นเรื้อรังมานาน (ทั้งที่มีอาการหรือไม่มีอาการปัสสาวะบ่อยมาก่อน) อาจมีอาการคันตามตัว เป็นฝีหรือโรคติดเชื้อราที่ผิวหนังบ่อย หรือเป็นแผลเรื้อรัง หรืออาจมาพบแพทย์ด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ชาหรือปวดแสบปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้า ตามัวลงทุกที หรือต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อย เจ็บจุกหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

มักเกิดกับผู้ป่วยเบาหวานที่ปล่อยปละละเลย ขาดการรักษา หรือดูแลรักษาไม่ถูกต้อง

ภาวะแทรกซ้อนมีทั้งประเภทเฉียบพลัน (เช่น หมดสติ ติดเชื้อรุนแรง) และประเภทเรื้อรัง

ภาวะแทรกซ้อนประเภทเรื้อรัง มักเกิดในกลุ่มผู้ป่วยที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน (บางคนอาจใช้เวลา 5-10 ปีขึ้นไป) ทำให้หลอดเลือดแดงทั้งขนาดเล็กและใหญ่แข็งและตีบตัน ส่งผลให้อวัยวะหลายส่วน (เช่น ตา ไต ระบบประสาท เท้า สมอง หัวใจ) ขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นเหตุให้อวัยวะเหล่านี้เสื่อมสมรรถภาพ พิการ หรือเสียหน้าที่

ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันโรคต่ำ (เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคได้น้อยลง)

นอกจากนี้ ผู้ป่วยเบาหวานยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะอื่น ๆ เป็นเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้อีกหลากหลาย

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญหรือพบบ่อย ได้แก่

1. ภาวะหมดสติจากเบาหวาน เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเฉียบพลันและรุนแรง หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้

สาเหตุที่พบได้บ่อย คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จะพบในผู้ป่วยเบาหวานที่กินยาหรือฉีดยาเบาหวานสม่ำเสมอ หรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ค่อนข้างดีอยู่แต่เดิม ภาวะแทรกซ้อนชนิดนี้มักเกิดจากผู้ป่วยใช้ยาเบาหวานเกินขนาด อดอาหาร กินอาหารน้อยเกินไป หรือกินอาหารผิดเวลานานเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์มาก หรือมีการออกแรงกายหนักและนานเกินไป

อาการ ในระยะแรกผู้ป่วยจะรู้สึกหิว ใจสั่น มือสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หงุดหงิด กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น ตาพร่ามัว หรือเห็นภาพซ้อน ถ้าผู้ป่วยรีบกินน้ำตาลหรือน้ำหวาน อาการต่าง ๆ จะทุเลาได้ภายในเวลาสั้น ๆ แต่หากไม่ทำการแก้ไขดังกล่าว ก็จะมีอาการขากรรไกรแข็ง ชักเกร็ง ไม่ค่อยรู้สึกตัวหรือหมดสติ ตรวจเลือดจะพบว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ ตรวจปัสสาวะจะไม่พบน้ำตาลในปัสสาวะ (ดูรายละเอียดใน “ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ”)

นอกจากนี้ ภาวะหมดสติจากเบาหวาน ยังอาจเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่

    ภาวะคีโตแอซิโดซิส (ketoacidosis) พบเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ขาดการฉีดอินซูลินนาน ๆ หรือพบในภาวะติดเชื้อหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งร่างกายต้องการอินซูลินมากขึ้นร่างกายจะมีการเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาลทำให้เกิดการคั่งของสารคีโตนในเลือด จนเกิดภาวะเลือดเป็นกรด (เรียกว่า diabetic ketoacidosis/DKA) ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำอย่างมาก หายใจหอบลึก และลมหายใจมีกลิ่นหอม (กลิ่นของสารคีโตน) มีไข้ กระวนกระวาย มีภาวะขาดน้ำรุนแรง (ตาโบ๋ หนังเหี่ยว ความดันต่ำ ชีพจรเบาเร็ว) อาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดิน ผู้ป่วยจะซึมลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดสติ จะตรวจพบน้ำตาลในเลือดสูง พบน้ำตาลในปัสสาวะและพบสารคีโตนในเลือดและในปัสสาวะ
    ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงรุนแรง (non-ketotic hyperglycemic hyperosmolar coma/NKHHC) มักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เป็นโรคโดยไม่รู้ตัว หรือที่ขาดการรักษา หรือมีภาวะติดเชื้อรุนแรง (เช่น ปอดอักเสบ กรวยไตอักเสบ โลหิตเป็นพิษ) หรือมีการใช้ยาบางชนิด (เช่น สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ) ร่วมด้วย ทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก ๆ (สูงเกิน 600 มก./ดล. ขึ้นไป) ผู้ป่วยจะเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง ซึม เพ้อ ชัก หมดสติ โดยก่อนหน้าจะหมดสติเป็นวันหรือสัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย

2. การติดเชื้อ ผู้ป่วยเบาหวานจะเป็นโรคติดเชื้อง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเป็นการติดเชื้อซ้ำซาก เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กลาก โรคเชื้อราเคนดิดา ช่องคลอดอักเสบ เป็นฝีหรือพุพอง เป็นต้น อาจจะเป็นการติดเชื้อรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน หูชั้นนอกอักเสบรุนแรง เท้าเป็นแผลติดเชื้อซึ่งอาจลุกลามจนเท้าเน่า เป็นต้น หรืออาจจะเป็นโรคติดเชื้อเรื้อรัง เช่น วัณโรคปอด

3. ภาวะแทรกซ้อนของตา ที่สำคัญคือ จอประสาทตาเสื่อม (retinopathy) เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่มาเลี้ยงจอประสาทตา ทำให้จอประสาทตาและหลอดเลือดในบริเวณนี้เกิดความผิดปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป ในระยะแรกผู้ป่วยจะไม่รู้สึกผิดปกติ จนกระทั่งเป็นมากแล้วก็จะเกิดอาการตามัว ตาบอดได้ ดังนั้นจึงควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจเช็กตาปีละครั้ง (ผู้ป่วยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรตรวจตาตั้งแต่อายุครรภ์ 3 เดือนแรก และตรวจเป็นระยะจนกระทั่งหลังคลอด 1 ปี เนื่องจากการตั้งครรภ์อาจทำให้จอประสาทตาเสื่อมมากขึ้น) ถ้าพบเป็นตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจะได้ให้การรักษา (ประกอบด้วยการยิงเลเซอร์ไปที่หลอดเลือดที่ผิดปกติ) ป้องกันตาบอด

นอกจากนี้ ยังอาจพบว่าผู้ป่วยเบาหวานเป็นต้อกระจกก่อนวัย หรือต้อหินเรื้อรัง เลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา (vitreous hemorrhage) จอตาลอก หลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ตาบอดได้

4. ภาวะแทรกซ้อนของไต ที่สำคัญ คือ ไตเสื่อม หรือไตวายเรื้อรัง (nephropathy หรือ chronic renal failure) เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่มาเลี้ยงไต ทำให้ไตเสื่อมลงแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ๆ ในระยะแรกจะพบว่ามีสารไข่ขาว (แอลบูมิน) หลุดออกมาในปัสสาวะจำนวนน้อย (30-299 มก./วัน ซึ่งเรียกว่า microalbuminuria) ระยะนี้ยังมีทางบำบัดเพื่อป้องกันภาวะไตเสื่อมได้ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสารไข่ขาวในปัสสาวะอย่างน้อยปีละครั้ง หากปล่อยปละละเลยจนไตเสื่อมถึงที่สุด ก็จะกลายเป็นไตวายเรื้อรัง ซึ่งในที่สุดอาจต้องทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis) หรือผ่าตัดปลูกถ่ายไต

5. ภาวะแทรกซ้อนของระบบประสาท ได้แก่ ระบบประสาทเสื่อม (neuropathy) เนื่องจากหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่มาเลี้ยงระบบประสาทเกิดการแข็งและตีบ ถ้าเกิดกับประสาทส่วนปลายที่เลี้ยงแขนขา ในระยะแรกอาจมีอาการปลายมือปลายเท้าแสบร้อน หรือเจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง มักเป็นมากตอนกลางคืน จนบางรายนอนไม่หลับ อาการจะทุเลาหรือหายได้เมื่อคุมเบาหวานได้ดี

ถ้าปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงต่อไปนาน ๆ ก็จะเกิดอาการชาปลายมือปลายเท้า ซึ่งจะค่อย ๆ ลุกลามสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ (คล้ายใส่ถุงมือถุงเท้า) อาการชาดังกล่าวเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่หายแม้ว่าต่อมาจะคุมเบาหวานได้ดีขึ้นก็ตาม จนในที่สุดจะไม่มีความรู้สึก จึงเกิดบาดแผลที่เท้าง่ายเมื่อเหยียบถูกของมีคมหรือของร้อน ๆ หรือถูกของแหลมทิ่มตำ เมื่อเกิดบาดแผลก็มีโอกาสติดเชื้ออักเสบเนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ และเนื่องจากมีภาวะขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและตีบ ทำให้แผลหายยาก บางครั้งอาจลุกลามรุนแรง หรือเป็นเนื้อเน่าตาย (gangrene) จำเป็นต้องตัดนิ้วเท้าหรือข้อเท้า เกิดความพิการได้ ผู้ป่วยเบาหวานควรหมั่นดูแลเท้าอย่าให้เกิดบาดแผล และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะจะเสริมให้หลอดเลือดแข็งและตีบมากขึ้น

บางรายอาจมีประสาทเลี้ยงกล้ามเนื้อตาเสื่อม ทำให้กล้ามเนื้อตาเป็นอัมพาต มีอาการตาเหล่ หนังตาตก หลับตาไม่สนิท รูม่านตาขยาย มองเห็นภาพซ้อน อาการเหล่านี้มักหายได้เองภายใน 6-12 สัปดาห์

นอกจากนี้ ยังอาจมีความเสื่อมของระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic neuropathy) ซึ่งควบคุมอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะจากภาวะความดันตกในท่ายืน อาการอาหารไม่ย่อยหรือแสบลิ้นปี่จากโรคกรดไหลย้อน ปวดท้อง ท้องเดิน หรือท้องผูกเรื้อรังจากโรคลำไส้แปรปรวน กระเพาะปัสสาวะหย่อนสมรรถภาพ (ทำให้ถ่ายปัสสาวะออกไม่หมด เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง) ต่อมเหงื่อไม่ทำงาน (ทำให้ผิวแห้ง) องคชาตไม่แข็งตัว (erectile dysfunction ซึ่งนอกจากเกิดจากประสาทที่ไปเลี้ยงองคชาตเสื่อมแล้ว ยังเป็นผลมาจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงองคชาตเกิดการแข็งและตีบอีกด้วย)

6. ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ทำให้หลอดเลือดตีบตัน ขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญ ๆ ได้แก่ หัวใจ สมอง ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงหรือผิดปกติ อ้วน สูบบุหรี่ เป็นต้น ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงขาและเท้าก็เกิดการตีบตันได้ เรียกว่า "โรคหลอดเลือดแดงขาตีบ" มีภาวะเลือดไปเลี้ยงขาและเท้าไม่พอ ทำให้เกิดอาการปวดขาเวลาเดิน และอาจพบเป็นตะคริวตอนกลางคืนได้บ่อย

7. ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ผู้ป่วยเบาหวานยังอาจเป็นปัจจัยของการเกิดโรคอื่น ๆ อีก เช่น สมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ ภาวะซึมเศร้า หูตึง ภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง นิ่วน้ำดี เส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจพิการ (cardiomyopathy ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย) ได้ ภาวะไขมันสะสมในตับ (fatty liver ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับ) รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับอ่อนมากขึ้น

การวินิจฉัย

สำหรับคนทั่วไป (ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์) หากมีอาการของเบาหวาน (เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย) หรือไม่มีอาการแต่ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะหรือน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ หรือเป็นผู้ที่เสี่ยงต่อโรคนี้ (เช่น อ้วน มีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน) ควรส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย ดังนี้

1. กรณีผู้ป่วยไม่มีอาการแสดง ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบเจาะที่แขน (venous blood) หลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (fasting plasma glucose/FPG) ซึ่งสามารถแปลผล ดังนี้

    ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) มีค่าต่ำกว่า 100 มก./ดล. ถือว่าปกติ
    ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) มีค่าเท่ากับ 100-125 มก./ดล. ถือว่าเป็นระดับน้ำตาลสูงผิดปกติ (impaired fasting glucose/IFG) เรียกว่า กลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน  (categories of increased risk for diabetes) ควรตรวจยืนยันด้วยการทดสอบความทนต่อน้ำตาล (oral glucose tolerance test/OGTT)*
    ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) มีค่าตั้งแต่ 126 มก./ดล. ขึ้นไป หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 2 ชั่วโมงมีค่าตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไป ให้สงสัยว่าอาจเป็นเบาหวาน ควรทำการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (FPG หรือ OGTT แล้วแต่กรณี) ซ้ำอีกครั้งในวันหลัง ถ้ายังมีค่าสูงอยู่ในระดับดังกล่าวอีกก็วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน

นอกจากนี้ ยังสามารถวินิจฉัยโรคเบาหวานจากการตรวจพบระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1C) มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 6.5%** จากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน

2. กรณีผู้ป่วยมีอาการชัดเจน ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่มตรวจ คือ ตรวจได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด ถ้าพบว่ามีค่าตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไป ก็สามารถวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน

เกณฑ์การวินิจฉัยโรคเบาหวาน (สำหรับหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์)***

1. กรณีผู้ป่วยไม่มีอาการของโรคเบาหวาน จะวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้

ก. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (FPG) มีค่าเท่ากับ 126 มก./ดล. หรือมากกว่าจากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน หรือ

ข. ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1C) มีค่าเท่ากับ 6.5% หรือมากกว่าจากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน หรือ

ค. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 2 ชั่วโมง (2-hr plasma glucose) จากการทดสอบความทนต่อกลูโคส (OGTT) โดยการดื่มกลูโคส 75 กรัม มีค่าเท่ากับ 200 มก./ดล. หรือมากกว่าจากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน


2. กรณีผู้ป่วยมีอาการของโรคเบาหวานชัดเจน เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย จะวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานเมื่อ

ก. ระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่มตรวจ (random plasma glucose) มีค่าเท่ากับ 200 มก./ดล. หรือมากกว่า จากการตรวจเพียงครั้งเดียวในช่วงเวลาใดก็ได้

เกณฑ์การตรวจกรองโรคเบาหวานในผู้ที่ไม่มีอาการแสดง

1. ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน (ดัชนีมวลกาย ≥ 23 กก./ม² ถ้าตรวจพบเป็นปกติ ให้ตรวจซ้ำทุก 3 ปี

2. ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ควรตรวจกรองเบาหวานเมื่ออายุต่ำกว่า 35 ปี หรือควรกรองให้ถี่ขึ้น

    ขาดการออกกำลังกาย
    มีพ่อแม่พี่น้องเป็นเบาหวาน
    เคยตรวจพบว่ามีภาวะเบาหวานแฝง (ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมงมีค่า 100-125 มก./ดล. หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 75 กรัมไปแล้ว 2 ชั่วโมง มีค่า 140 -199 มก./ดล.)
    เคยมีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) หรือคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4 กก.
    มีความดันโลหิตสูง (≥ 140/90 มม.ปรอทขึ้นไป)
    มีไขมันเอชดีแอล (HDL) <35 มก./ดล. และ/หรือไตรกลีเซอไรด์ >250 มก./ดล.
    มีโรคหรือภาวะอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลิน เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง ผิวหนังเป็นปื้นหนาสีน้ำตาลหรือดำ (acanthosis nigricans****) เป็นต้น
    มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดแข็งและตีบ (vacular disease)

* วิธีทดสอบ ให้ผู้ป่วยอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อน 1 ครั้ง แล้วให้ผู้ป่วยดื่มน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม ทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มน้ำตาลไปแล้ว 1, 2 และ 3 ชั่วโมง โดยทั่วไปนิยมใช้ค่าน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคสไปแล้ว 2 ชั่วโมง เป็นเกณฑ์ในการวินิจฉัย (ค่าปกติต่ำกว่า 140 มก./ดล. ถ้ามีค่า 140-199 มก./ดล. ถือว่าเป็น “กลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน” ถ้ามีค่าตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไปถือว่าเป็นเบาหวาน) วิธีนี้จะใช้เฉพาะในรายที่ตรวจพบว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารสูงผิดปกติ (IFG) และหญิงหลังคลอดที่เคยตรวจพบว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus/GDM)
ในการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าผู้ป่วยมีประวัติกินยาที่อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงอยู่ก่อน เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาเม็ดคุมกำเนิด สเตียรอยด์ กรดนิโคตินิก เฟนิโทอิน เป็นต้น ควรให้ผู้ป่วยงดยาก่อนที่จะทำการตรวจเลือด

** ค่าปกติต่ำกว่า 5% ถ้ามีค่า 5.7-6.4% ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน

***สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ใช้เกณฑ์ข้อที่ 1 ก. และ 2 ก. ในการวินิจฉัยได้เช่นเดียวกัน
ส่วนระดับน้ำตาลในเลือดจากการทดสอบความทนต่อกลูโคส โดยการดื่มกลูโคส 100 กรัม (100 g OGTT) ใช้เกณฑ์ดังนี้
1. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง ≥ 95 มก./ดล.
2. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 1 ชั่วโมง ≥ 180 มก./ดล.
3. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 2 ชั่วโมง ≥ 155 มก./ดล.
4. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 3 ชั่วโมง ≥ 140 มก./ดล.
การวินิจฉัยภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) ต้องมีค่าน้ำตาลสูงตามเกณฑ์ดังกล่าว ตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป

**** ผิวหนังเป็นปื้นหนาสีน้ำตาลหรือดำคล้ายกำมะหยี่ พบบ่อยที่บริเวณหลังคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อนิ้วมือ ใต้นม ต้นขาด้านใน รอบช่องคลอด เป็นต้น ซึ่งมักเป็นพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง (แบบสมมาตร) บางครั้งอาจมีติ่งหนัง (skin tag) อยู่ในหรือรอบ ๆ บริเวณที่เป็นปื้นหนา

3
รถยนต์ใหม่ 2024 เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz-EQ EQ G 580 with EQ Technology EDITION ONE-ปี 2024
12,200,000 บาท

เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz-EQ EQ G 580 with EQ Technology EDITION ONE-ปี 2024
Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology EDITION ONE ครั้งแรกกับการสานต่อตำนาน 45 ปี ของ G-Class เจ้าของฉายา King of Off-Road ผสมผสานสมรรถนะระดับสูง และความหรูหราแต่ยังคงความคลาสสิกด้วยรูปลักษณ์สไตล์ทรงกล่องได้อย่างลงตัว มอบความสมบูรณ์แบบด้านการขับขี่และการใช้งานในชีวิตประจำวันที่มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ STANDARD และ EDITION ONE มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว แยกติดตั้งทั้ง 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 587 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,164 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.7 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel drive วิ่งได้ไกลถึง 473 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง โดยยังรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC charge) สูงถึง 200 kWh ใช้เวลาชาร์จเพียง 32 นาทีจาก 10-80% ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 11 ชั่วโมง 45 นาที

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              Mercedes-benz
   รุ่น                   เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz-EQ EQ G 580 with EQ Technology EDITION ONE-ปี 2024
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา               12,200,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (AMG Line และ Night Package,กาบบันไดข้างสีดําแบบ MANUFAKTUR running bords,มือเปิดประตูสีดําพร้อมตราสัญลักษณ์ MANUFAKTUR door handle with embossed logo)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (ไฟส่องสว่างทีพื้นพร้อมโลโก้แบบ MANUFAKTUR logo projector)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (กล่องเก็บสายชาร์จบริเวณท้ายรถแบบ Design box)
ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (adaptive damping system)
ขนาดยางหน้า-หลัง (275/50 R20 - 275/50 R20)
ล้ออัลลอย (ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 10 ก้านคู่ ขนาด 20 นิ้ว)
หลังคา (แบบ Sliding sunroof)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (Blue carbon–fibre trim elements)
พวงมาลัยหุ้มหนัง (Nappa ตกแต่งด้วยตะเข็บสีฟ้า)
พรมปูพื้น (AMG ตกแต่งด้วยตะเข็บสีฟ้า)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (ELECTRIC DYNAMIC SELECT)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว แยกติดตั้งทั้ง 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 587 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,164 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.7 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)     แรงม้า
   ระบบเกียร์                       เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS              มี
   ชนิดแบตเตอรี่                ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                        116 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง         473 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC charge) สูงถึง 200 kWh ใช้เวลาชาร์จเพียง 32 นาทีจาก 10-80% ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 11 ชั่วโมง 45 นาที

   น้ำหนักตัวรถ                    -
   ประเภทยางรถยนต์             -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                ล้ออัลลอย (ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 10 ก้านคู่ ขนาด 20 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน               ขับเคลื่อนสี่ล้อ (All-wheel drive,ระบบการขับขี่แบบ Offroad Crawl)

ระบบความปลอดภัย

  อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ (ตกแต่ง calliper brake ด้วยสีฟ้า)
เซ็นทรัลล็อค
กุญแจรีโมท (KEYLESS–GO)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE–SAFE system)
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์
ระบบป้องกันการโจรกรรม (GUARD 360 องศา)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบการขับขี่แบบ LOW RANGE,G–TURN,G–STEERING)
เข็มขัดนิรภัย (3 จุด 5 ที่นั่ง MANUFAKTUR magma grey)
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟัก์ชัน HOLD และ Hill–Start Assist)
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ
กล้อง (แสดงภาพรอบทิศทาง)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW)
ระบบเตือนก่อนเปืดประตู Door Open Warning (DOW)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (เลน) (,ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย)

4
โพสประกาศขายฟรี / เด็กฟันขากรรไกรยื่นจัดฟันเด็กได้ไหม
« เมื่อ: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2024, 22:02:20 น. »
เด็กฟันขากรรไกรยื่นจัดฟันเด็กได้ไหม

 เด็กหลายคนมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน เนื่องจากพฤติกรรมต่างๆเช่น การรับประทานอาหาร การแปรงฟันไม่สะอาด หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมในวัยเด็ก อย่างการดูดนิ้ว ดูดขวดนม แต่ปัญหาฟันในบุตรหลานของท่าน สามารถแก้ไขได้เมื่อปัญหานั้นๆ ถูกตรวจพบแต่เนิ่นๆ ในเด็กเล็กอายุไม่เกิน 10 ปี หากเราสามารถตรวจพบความผิดปกติของฟัน ซึ่งอาจเกิดจากการเจริญเติบโตของขากรรไกรที่ผิดปกติ พฤติกรรมการกิน การกลืน และการใช้ฟันผิดหน้าที่ของเด็ก ทันตแพทย์จะสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้

ถ้าหากปล่อยให้ปัญหาดำเนินต่อไป โดยไม่ได้รับการรักษา จนเด็กคนนั้นเติบโตหรือมีพัฒนาการที่โตขึ้น ร่างกายเจริญเติบโตขึ้น การแก้ไขปัญหาจะไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ อาจจะมีความซับซ้อนมากกว่า และอาจต้องมีการผ่าตัด หรือแก้ไขปัญหาข้อต่อขากรรไกรที่เสื่อมสภาพลงด้วย สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการเกิดปัญหาขากรรไกรยื่น และอยากที่จะเข้ารับการจัดฟัน ซึ่งพ่อแม่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า

ปัญหาฟันของเด็กแบบไหนที่เหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และวันนี้ทางคลินิก มีเคสของปัญหาขากรรไกรยื่นมาพูดถึงในแง่มุมของการจัดฟันในเด็ก ซึ่งให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เป้นแนวทางในการแก้ไขปัญหาฟัน เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีฟันที่เรียงตัวสวยงาม และมีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจ เสริมสร้างบุคลิกภาพให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

 สำหรับการเกิดภาวะขากรรไกรยื่นหลายคนสงสัยว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงเรื่องของความผิดปกติดังกล่าวในเด็กต้องบอกว่า เด็กที่มีปัญหาดังกล่าวนี้ เหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพราะถ้าหากปล่อยไว้และไปแก้ไขตอนโตอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัดขากรรไกร ร่วมกับการจัดฟัน เพราะการจัดฟันทั้งก่อนผ่าตัดหรือหลังผ่าตัดขากรรไกร

สามารถช่วยแก้ไขความผิดปกติของตำแหน่งของฟันบน และขากรรไกรได้ ทั้งตำแหน่งการเรียงตัวฟันหน้า ฟันหลัง การสบฟันให้เหมาะสม มีส่วนช่วยแก้ไขและปรับปรุงโครงหน้าที่ผิดปกติ แก้ปัญหาการสบฟันให้มีความถูกต้องเหมาะสม เพื่อการเคี้ยวให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้สามารถออกเสียงได้ดีขึ้น ที่สำคัญยังแก้ไขถึงความผิดปกติของรูปหน้าอีกด้วย ทำให้มีใบหน้ามีความสวยงามมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น ในแง่ของการจัดฟันในเด็ก ถ้าหากเด็กมีปัญหาขากรรไกรยื่น ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ทันที อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็ก สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี เนื่องจากการสบฟันที่ผิดปกติบางอย่าง สามารถแก้ไขได้ หากตรวจพบเมื่อเด็กอายุยังน้อย นอกเหนือจากเรื่องความสวยงาม การเรียงตัวของฟันที่ดีแล้ว การจัดฟัน ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ

เมื่อมีฟันเรียงสวย ไม่ซ้อนเก เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น สะอาดขึ้น ซึ่งระเบียบวินัยเรื่องความสะอาดในช่องปาก ถือเป็นสุขอนามัยพื้นฐาน ที่จะอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิตนั่นเอง ทั้งนี้ การสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับกรดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันของเด็กก็มีความสำคัญไม่น้อย พ่อแม่ผู้ปกครองควรสร้างความเข้าใจให้เด็กได้เรียนรู้วิธีการดูลักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี เพื่อที่จะได้เข้าใจและทำความสะอาดฟันอย่างถูกต้อง ลดโอกาสการเกิดฟันผุและการเกิดปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับช่องปากและฟันด้วย
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก

เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และยังมีระสบการณ์ด้านทันตกรรมเด็กมาอย่างยาวนาน พร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาสำหรับเด็กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะทางคลินิกของเรา อยากให้เด็กไทยทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้มีพัฒนาการที่ดีตามไปด้วย และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ และมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นด้วย

5
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: บาดทะยัก (Tetanus)

บาดทะยัก เป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง ซึ่งยังพบได้เป็นครั้งคราวในบ้านเรา พบได้ในคนทุกวัย ส่วนมากจะมีประวัติมีบาดแผลตามร่างกาย (เช่น ตะปูตำ หนามเกี่ยว มีบาดแผลสกปรก หรือขาดการดูแลที่ถูกต้อง) และผู้ป่วยไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักมาก่อน

ในสมัยก่อนพบทารกแรกเกิดเป็นบาดทะยักค่อนข้างบ่อย เรียกว่า บาดทะยักในทารกแรกเกิด (tetanus neonatorum)* เนื่องจากการคลอดที่ไม่สะอาด (เช่น คลอดตามบ้านโดยใช้ไม้รวกหรือตับจากตัดสายสะดือ) หรือการดูแลสะดือไม่ถูกต้อง (เช่น ใช้น้ำหมากน้ำลายบ้วน) ทำให้เกิดการติดเชื้อกลายเป็นบาดทะยัก ซึ่งมักจะพบมีอาการช่วงหลังคลอด ประมาณ 4-14 วัน

ในปัจจุบัน พบโรคนี้น้อยลงทั้งในผู้ใหญ่และทารกแรกเกิด เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนป้องกัน มีการคลอดที่สะอาดปลอดภัย และการดูแลสะดือทารกที่ถูกต้องมากกว่าสมัยก่อนมาก

* โบราณเรียก ลมสะพั้น ลมตะพั้น สะพั้น หรือตะพั้น หมายถึง อาการชัก มือกำเท้ากำในเด็กอ่อน ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็คือบาดทะยัก

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อบาดทะยัก ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียมเตตานิ (Clostridium tetani) มีลักษณะเป็นสปอร์ มีอยู่ทั่วไปตามดิน ฝุ่น มูลสัตว์ (เช่น วัว ควาย หมู ไก่ สุนัข แมว หนู) และอุจจาระคน เชื้อมีความทนทานต่ออุณหภูมิ ความชื้น และสารเคมีฆ่าเชื้อ (เช่น แอลกอฮอล์ ฟีนอล ฟอร์มาลดีไฮด์) สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานเป็นปี ๆ เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล* โดยการแปดเปื้อนถูกดิน ฝุ่น มูลสัตว์ หรืออุจจาระที่มีสปอร์ของเชื้อบาดทะยัก แล้วแบ่งตัวเจริญเติบโตที่บริเวณบาดแผล ซึ่งจะเจริญได้ดีในที่ ๆ มีออกซิเจนน้อย ได้แก่ บาดแผลที่ลึกและแคบ (เช่น บาดแผลถูกตำ) แต่ก็อาจเจริญในบาดแผลถลอกและบาดแผลในลักษณะอื่น ๆ หลังจากนั้นเชื้อจะปล่อยพิษ (มีชื่อว่า tetanospasmin หรือ tetanus toxin) ออกมา ซึ่งจะกระจายไปตามเส้นประสาท และออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อที่รอยต่อกล้ามเนื้อร่วมประสาท (neuromuscular junction) และประสาทส่วนกลาง กระตุ้นให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายเกิดการหดเกร็ง (spasm) และแข็งตัว (rigidity) ขณะเดียวกันก็ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ชีพจรและความดันผิดปกติ เหงื่อออกมาก หลอดเลือดส่วนปลายตีบตัว

ระยะฟักตัว 5 วัน-15 สัปดาห์ (ส่วนใหญ่ระหว่าง 6-15 วัน) ระยะฟักตัวยิ่งสั้น โรคจะยิ่งรุนแรงและอันตราย

* ส่วนใหญ่เป็นบาดแผลตามผิวหนังและสะดือทารก ส่วนน้อยที่เป็นบาดแผลอื่น ๆ เช่น บาดแผลฉีดยาด้วยเข็มไม่สะอาด บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก บาดแผลในช่องปาก (เช่น ฟันผุ ถอนฟัน) ช่องหู (หูน้ำหนวก) บาดแผลผ่าตัด เป็นต้น


อาการ

ระยะแรกเริ่ม ผู้ป่วยจะมีอาการขากรรไกรแข็ง (lockjaw) เนื่องจากกล้ามเนื้อเกี่ยวกับการเคี้ยว หดเกร็ง และแข็งตัว ทำให้มีอาการขยับปากไม่ได้ ทำท่าเหมือนยิ้มแสยะ กลืนลำบาก

ผู้ป่วยอาจมีอาการกระสับกระส่าย

ในทารกมักมีอาการร้องกวน ไม่ยอมดูดนม และอ้าปากไม่ได้

ต่อมาจะมีอาการหดเกร็งและแข็งตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอ หน้าอก หน้าท้อง หลัง แขนขา ทำให้มีอาการคอแข็ง ท้องแข็ง หลังแอ่น (opisthotonus)

เมื่อถูกสิ่งกระตุ้น เช่น การถูกสัมผัสตัว แสงสว่างเข้าตา (เช่น แสงแดด แสงไฟจ้า) หรือได้ยินเสียงดัง ๆ ผู้ป่วยจะมีอาการชักเกร็งของแขนขาและกล้ามเนื้อทุกส่วนเป็นพัก ๆ

ผู้ป่วยมีสติรู้สึกตัวดีตลอดเวลา (ต่างกับโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและสมองอักเสบที่ผู้ป่วยไม่ค่อยรู้สึกตัว) และทุกครั้งที่ชักจะรู้สึกปวดมาก

ขณะที่มีอาการชักเกร็ง ผู้ป่วยอาจหายใจลำบาก ตัวเขียว และอาจหยุดหายใจได้

ขากรรไกรแข็ง


ภาวะแทรกซ้อน

อาจพบอาการขาดออกซิเจนขณะชัก อาการขาดอาหารเพราะกลืนไม่ได้ ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะไม่ได้ เนื่องจากการแข็งตัวของกล้ามเนื้อหูรูด ปอดอักเสบ ปอดแฟบ (atelectasis) ปอดทะลุ กระดูกสันหลังหักจากการชัก

ในระยะท้ายของโรค ผู้ป่วยอาจหยุดหายใจ และหัวใจวายถึงตายได้

อาการชักเกร็งทั้งตัวและหลังแอ่น


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งมักตรวจพบอาการขากรรไกรแข็ง อ้าปากไม่ได้ ใบหน้ามีลักษณะเหมือนยิ้มแสยะ (อาจมีกลิ่นปากถ้าเป็นมาหลายวัน) คอแข็ง หลังแอ่น และอาการชักเกร็งเป็นพัก ๆ เวลาถูกสิ่งกระตุ้น

รีเฟล็กซ์ของข้อ (tendon reflex) มักจะไวกว่าปกติ

อาจไม่มีไข้หรือมีไข้ต่ำ ๆ (ไข้มักไม่สูงมาก ยกเว้นในรายที่มีปอดอักเสบแทรก)

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจมีชีพจรเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูงหรือต่ำกว่าปกติ เหงื่อออกมาก ไข้ขึ้นสูง หลอดเลือดส่วนปลายตีบตัว

ส่วนมากจะพบมีบาดแผลอักเสบ (ในทารกมักพบว่ามีสะดืออักเสบ) แต่ในบางรายอาจไม่พบบาดแผลชัดเจนก็ได้

หากแยกไม่ได้ชัดเจนจากสาเหตุอื่น อาจต้องทำการตรวจพิเศษ เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เพาะเชื้อ เจาะหลัง ตรวจน้ำไขสันหลัง เอกซเรย์ เป็นต้น เพื่อวินิจฉัยแยกโรคอื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล ให้การรักษาตามอาการและรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้สารน้ำ เกลือแร่ และอาหาร ให้ยากันชัก (เช่น ไดอะซีแพม) ใส่ท่อหายใจ (บางรายอาจต้องเจาะคอ) และใช้เครื่องช่วยหายใจ ดูแลรักษาบาดแผล เป็นต้น

ที่สำคัญ จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ให้ยาต้านพิษบาดทะยักและยาปฏิชีวนะ

ผลการรักษา ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มที่เป็น ก็มักจะมีโอกาสหายขาดได้ อาจต้องใช้เวลารักษาและฟื้นฟูสภาพด้วยการทำกายภาพบำบัด นานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน แต่ถ้าปล่อยไว้จนมีอาการรุนแรง (เช่น หลังแอ่น) แล้ว โอกาสรอดก็น้อยลงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบในทารกหรือผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีระยะฟักตัวของโรคสั้น มีไข้สูง หรือชักตลอดเวลา ก็มีโอกาสมีอันตรายมากยิ่งขึ้น


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น  มีอาการขากรรไกรแข็ง อ้าปากไม่ได้ ใบหน้ามีลักษณะเหมือนยิ้มแสยะ คอแข็ง หลังแอ่น และอาการชักเกร็งเป็นพัก ๆ เวลาถูกสิ่งกระตุ้น (เช่น แสง เสียง การสัมผัสถูกตัว) ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อพบว่าเป็นบาดทะยัก ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด


การป้องกัน

1. ฉีดวัคซีนรวมป้องกันคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DTP) ตั้งแต่อายุได้ 2 เดือน ถ้าไม่เคยฉีดตอนเด็ก ควรฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักให้ครบตามกำหนด และควรฉีดกระตุ้นทุก ๆ 10 ปี

2. สำหรับหญิงตั้งครรภ์ หากไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักมาก่อน ควรฉีดวัคซีนรวม 3 เข็ม โดยเริ่มฉีดเข็มแรกเมื่อฝากครรภ์ครั้งแรก เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 1 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 6 เดือน (ถ้าฉีดไม่ทันขณะตั้งครรภ์ ก็ให้ฉีดหลังคลอด) จากนั้นให้กระตุ้นทุก 10 ปี

หากเคยได้รับวัคซีนมาแล้ว 1 เข็ม ควรให้อีก 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน หากเคยได้รับวัคซีนมาแล้ว 2 เข็ม ควรให้อีก 1 เข็ม ห่างจากเข็มที่ 2 อย่างน้อย 6 เดือน จากนั้นให้กระตุ้นทุก 10 ปี

หากเคยได้รับวัคซีนมาก่อนอย่างน้อย 3 เข็ม และเข็มสุดท้ายนานกว่า 10 ปี ให้ฉีดกระตุ้นอีกเพียง 1 เข็ม จากนั้นให้กระตุ้นทุก 10 ปี

3. ควรแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์คลอดกับบุคลากรที่รู้จักรักษาความสะอาดในการทำคลอด ถ้าจำเป็นต้องคลอดกันเองที่บ้าน ควรใช้กรรไกรที่ผ่านกรรมวิธีในการฆ่าเชื้อตัดสายสะดือเด็ก นอกจากนี้ควรแนะนำให้รู้จักทำความสะอาดสะดือเด็กอย่างถูกต้อง

4. เมื่อมีบาดแผลตะปูตำ หนามตำ สัตว์กัด ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือบาดแผลสกปรก ควรชะล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ทันที และพิจารณาให้ฉีดยาป้องกันบาดทะยัก (วัคซีนปัองกันบาดทะยัก ยาต้านพิษบาดทะยัก) ตามตารางข้างล่าง

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการบาดทะยักเฉพาะที่ คือมีอาการหดเกร็งและแข็งตัวของกล้ามเนื้อใกล้บริเวณบาดแผล มักเกิดจากการติดเชื้อที่ไม่รุนแรงและหายไปได้เอง แต่ในบางรายก็อาจมีอาการกระจายไปทั่วร่างกายก็ได้

2. ผู้ป่วยบาดทะยักในระยะแรกเริ่มที่มีอาการขากรรไกรแข็ง และคอแข็ง โดยผู้ป่วยยังรู้สึกตัวดีและไม่มีไข้ อาจแยกไม่ได้ชัดเจนจากอาการข้างเคียงจากยา เช่น เมโทโคลพราไมด์ ฟีโนไทอาซีน (phenothiazine) เป็นต้น ถ้าพบผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าว แพทย์จะรับตัวไว้สังเกตอาการในโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด ถ้าเกิดจากยามักมีประวัติเกิดอาการหลังใช้ยาและจะทุเลาได้เองเมื่อหมดฤทธิ์ยา (ภายใน 6-8 ชั่วโมง) หรือหลังให้ยา (เช่น ไดเฟนไฮดรามีน)

6
มอเตอร์โชว์ 2025: เกรท วอลล์ มอเตอร์ เผยสเปก GWM POER SAHAR HEV รถกระบะขุมพลังไฮบริด

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดสเปกอย่างเต็มรูปแบบของ GWM POER SAHAR HEV รถกระบะขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกในไทย ที่พร้อมเข้ามาเปลี่ยนนิยามของรถกระบะให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ก่อนเปิดราคาอย่างเป็นทางการภายในงาน Motor Expo 2024 ที่กำลังจะถึงนี้ มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่นผสมผสานระหว่างความประณีต ความหรูหรา และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยได้อย่างลงตัว มอบประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาสให้กับผู้ขับขี่ในทุกเส้นทางตามคำนิยาม New First-Class Intelligent Pickup ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดีทั้งในด้านประสิทธิภาพการใช้งานและความสะดวกสบายภายในคันเดียวกัน เสริมทัพความแข็งแกร่งของยานยนต์พลังงานใหม่ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
 
รถกระบะพลังงานไฮบริดรุ่นแรกในไทย จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดย GWM POER SAHAR HEV โดดเด่นด้านพละกำลังและแรงบิดในการขับขี่ มาพร้อมกับสองรุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO และรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD โดยทั้งสองรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผันที่มอบพละกำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ผสานขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลังสูงสุด 78 กิโลวัตต์ หรือ 106 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 268 นิวตันเมตร ร่วมกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection นอกจากนี้ GWM POER SAHAR HEV ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่หลากหลายโหมดเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ โดยรุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดประหยัด และรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมด 4L และโหมด 4H พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ในทุกสถานการณ์และทุกสภาพพื้นผิวทั้งการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและการผจญภัยสุดเร้าใจ

โดย GWM POER SAHAR HEV มาพร้อมกับ 3 เฉดสี ได้แก่ สีดำสุดคลาสสิค (Sun Black) สีขาวสุดเรียบหรู (Hamilton White) และสีเทาสะกดทุกคู่สายตา (Ayers Gray) ร่วมกับเฉดสีภายในอย่าง สีดำ Jade Black ที่จะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกเสมือนกับใช้บริการในที่นั่งระดับเฟิร์สคลาสที่ผสามผสานสุนทรียภาพและเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว

GWM POER SAHAR HEV มาพร้อมกับมิติตัวรถที่มีความยาวถึง 5,445 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,991 มิลลิเมตร และความสูง 1,924 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,350 มิลลิเมตร ซึ่งนับว่ายาวที่สุดในตลาดรถกระบะในปัจจุบัน ทำให้ห้องโดยสารมีความกว้างขวางสะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลัง เสมือนหนึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์เอสยูวี ระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มิลลิเมตร ระยะห่างของล้อคู่หน้าและหลัง 1,635 มิลลิเมตร อีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้มาถึง 75 ลิตร และความสามารถในการลุยน้ำได้ถึง 800 มิลลิเมตรอีกด้วย แม้ว่าการออกแบบภายนอกจะเพรียบพร้อมไปด้วยความหรูหราแล้วแต่ก็ยังแฝงไปด้วยจิตวิญญาณของนักผจญภัยเพื่อพาเหล่าผู้ขับขี่ออกลุยได้ในทุกสถานการณ์
 
เรียบหรูด้วยดีไซน์ผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะ สู่นิยามใหม่ของการเดินทางที่เหนือระดับ

สำหรับการออกแบบภายนอกของ GWM POER SAHAR HEV เริ่มจากดีไซน์ด้านหน้าที่ตกแต่งด้วยกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่สะท้อนความเรียบหรูอย่างมีระดับให้กับผู้ขับขี่ มาพร้อมกับไฟหน้า LED อัจฉริยะหลากหลายรูปแบบ ทั้งระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home) ร่วมกับระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (DRL – Daytime Running Light) ระบบไฟตัดหมอกด้านหน้า-หลังแบบ LED (เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) และระบบไฟท้ายแบบ LED นอกจากนี้บริเวณไฟหน้ายังมาพร้อมกับโลโก้ POER ที่ช่วยสะท้อนตัวตนความเป็นรถกระบะพรีเมียมได้เป็นอย่างดี

สำหรับดีไซน์ด้านหลังก็ถูกออกแบบมาให้โดดเด่นและเรียบหรูให้เข้ากับดีไซน์ด้านหน้าได้อย่างลงตัวกับฝาท้ายอัจฉริยะที่สามารถเปิด-ปิดได้ถึง 2 รูปแบบ ร่วมกับระบบผ่อนแรง (เฉพาะรุ่น  2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) สามารถควบคุมได้ง่าย ๆ เพียงสัมผัสแค่ปลายนิ้ว อีกทั้งยังสามารถรองรับการใช้งานทุกรูปแบบได้อีกด้วย นอกจากรูปลักษณ์อันเรียบหรูที่ถูกออกแบบรอบตัวรถแล้ว ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่มาพร้อมกับยางขนาด 265/60 ยังสะท้อนความพรีเมียมผสานกับดีไซน์ภายนอกของตัวรถได้เป็นอย่างดี

ด้านการออกแบบภายในก็สามารถตอบสนองด้านความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานได้อย่างครบครัน ผสานกับความหรูหราที่จะมอบประสบการณ์สุดล้ำค่าให้ผู้ขับขี่ในทุกการเดินทางด้วยลำโพงจำนวน 6 ตำแหน่งสำหรับรุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO และลำโพง Infinity 10 ตำแหน่งสำหรับรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ให้คุณภาพเสียงระดับสูง

ร่วมกับหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ที่จะทำให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินทั้งการรับชมและการรับฟังได้อย่างเต็มรูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ขับขี่ยังสามารถสัมผัสความสะดวกสบายขั้นสูงสุดที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth, MP5, online music, online radio, ระบบนำทาง รวมถึงข้อมูลการขับขี่ อีกทั้งยังมีหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว

พวงมาลัยพร้อมสวิตซ์ควบคุมทั้งเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง สวิตซ์ควบคุมโหมดการขับขี่ เกียร์แบบ Electronic Shifter กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start System กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ระบบปรับระดับอัตโนมัติขณะถอยหลัง* พร้อมระบบจดจำตำแหน่ง* (*เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) ระบบกรองอากาศ N95 และอื่น ๆ อีกมากมาย เทคโนโลยีทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่และรถยนต์พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ตลอดทั้งการขับขี่ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ GWM POER SAHAR HEV ยังมาพร้อมกับเบาะนั่งภายในรถที่จะมอบความผ่อนคลายและลดความเมื่อยล้าให้กับผู้ขับขี่ โดย รุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO มาพร้อมกับเบาะหนังสังเคราะห์คุณภาพดีเยี่ยมที่สามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 6 ทิศทาง และรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD กับเบาะหนังแท้ที่สามารถปรับไฟฟ้าได้สูงถึง 8 ทิศทาง พร้อมดันหลังไฟฟ้าที่ปรับได้ถึง 4 ทิศทาง ร่วมกับระบบ Memory Seat และ Welcome Seat อีกทั้งยังมีระบบระบายอากาศและระบบเบาะนวดไฟฟ้าสำหรับเบาะนั่งแถวที่ 1 นอกจากจะมอบความผ่อนคลายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าแล้ว

ผู้โดยสารร่วมทางก็จะได้รู้สึกผ่อนคลายตลอดเส้นทางเช่นกันด้วยเบาะนั่งแถวที่ 2 ที่สามารถปรับเอนได้ถึง 33 องศา พร้อมที่พักแขนตอนกลาง ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังโดยเฉพาะ และช่องจ่ายไฟสำรอง 220V (เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) ซึ่งฟังก์ชันต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยลดความเมื่อยล้า เพิ่มความผ่อนคลายให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้เดินทางถึงจุดหมายได้อย่างสะดวกสบาย โดยเฉพาะการขับขี่ทางไกล มอบประสบการณ์การเดินทางรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากการโดยสารรถกระบะรูปแบบเดิม ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น GWM POER SAHAR HEV ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะหลากหลายที่จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากถึง 29 รายการ ทั้งที่เป็น First in class และ Best in class เพิ่มความมั่นใจให้ในทุกการเดินทาง อาทิ กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 (SCM) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) และสำหรับรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ยังมาพร้อมกับระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB) อีกด้วย

นอกจากนี้ GWM POER SAHAR HEV ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อและการควบคุมรถจากระยะไกลผ่าน GWM application ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายขั้นสุดให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ ระบบล็อกและปลดล็อกประตู ระบบค้นหาตำแหน่งรถยนต์ และระบบตรวจสอบสถานะอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่เพียงเท่านั้นยังรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง อาทิ การเปิด-ปิดหรือปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ การโทรออก และการสั่งเปิด-ปิดหน้าต่างรถยนต์ เป็นต้น เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างครบครัน
 
ยกระดับวงการรถกระบะให้ก้าวไปอีกขั้นกับการฉีกกฎการขับขี่รถกระบะในรูปแบบเดิม ๆ ไปกับ GWM POER SAHAR HEVรถกระบะพลังงานไฮบริดระดับเฟิร์สคลาส พร้อมเผยราคาอย่างเป็นทางการภายในงาน Motor Expo 2024 ที่กำลังจะถึงนี้

7
ตรวจสุขภาพ: ไข้ปวดข้อยุงลาย/ไข้ชิคุนกุนยา (Chikungunya fever)

ไข้ปวดข้อยุงลาย หรือไข้ชิคุนกุนยา* เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งมีการระบาดได้รวดเร็ว ทำให้มีอาการไข้ ผื่นขึ้น และปวดข้อ ส่วนใหญ่มักจะเป็นไม่รุนแรงและหายได้เอง และไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากอาจทำให้มีอาการปวดข้อเรื้อรัง
 

*ชิคุนกุนยา (Chikungunya) เป็นภาษามากอนดี (แอฟริกา) แปลว่าตัวโค้งงอ เนื่องจากผู้ป่วยจะมีอาการปวดข้อมากจนตัวโค้งงอ จึงตั้งชื่อโรคนี้ตามลักษณะอาการของโรค

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา มียุงลายสวน (Aedes albopictus) และยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นพาหะนำโรค พบระบาดได้รวดเร็วและกว้างขวางซึ่งมักพบในฤดูฝน พบได้ในทุกกลุ่มอายุ พบมากในกลุ่มวัยทำงาน

ระยะฟักตัวของโรค 1-12 วัน (ส่วนใหญ่ 2-3 วัน)


อาการ

ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเฉียบพลัน (39-40 องศาเซลเซียส) ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย มักมีอาการปวดข้อรุนแรง ตาแดง และมีผื่นแดงเล็ก ๆ คล้ายหัด (พบมากตามลำตัวและแขนขา) ซึ่งมักหายได้เองภายใน 7-10 วัน

บางรายอาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วย

ไข้มักจะขึ้นสูงตลอดเวลาและเป็นอยู่ประมาณ 2-4 วันก็ทุเลาไปเอง

ส่วนอาการปวดข้อมักจะเป็นตามข้อเล็ก ๆ หลายข้อ (มักเกิน 10 ข้อ) พร้อมกัน หรือมีลักษณะย้ายจากข้อหนึ่งไปยังอีกข้อหนึ่ง บางครั้งพบว่ามีข้ออักเสบบวมแดง ข้อที่พบว่าปวดได้บ่อย ได้แก่ มือ ข้อมือ เท้า และข้อเท้า การกดด้านหน้าของข้อมือทำให้อาการปวดข้อมือรุนแรงมากขึ้น (ซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะของโรคนี้) อาการปวดข้อมักเป็นอยู่นาน 1-2 สัปดาห์ ในรายที่เป็นรุนแรงอาจนานเป็นแรมเดือน ทำให้ผู้ป่วยขยับข้อไม่ได้หรือเคลื่อนไหวได้ลำบาก

บางรายเมื่ออาการปวดข้อทุเลาไปแล้วอาจกำเริบได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ บางรายอาจมีอาการปวดข้อนานเป็นแรมปี


ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบบ่อยคือ อาการปวดข้อเรื้อรัง ซึ่งอาจทำให้เคลื่อนไหวลำบาก

ส่วนภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ พบได้น้อยมาก เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ประสาทหูอักเสบ จอตาอักเสบ ม่านตาอักเสบ ไตอักเสบ ตับอักเสบ สมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ กลุ่มอาการกิลเลนบาร์เร เป็นต้น ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจพบในทารกแรกเกิดที่ติดเชื้อจากมารดาขณะอยู่ในครรภ์ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ และสิ่งตรวจพบดังนี้

    ไข้ 39-40 องศาเซลเซียส
    ตาแดง ผื่นแดงตามตัว 
    ข้ออักเสบ (ปวดบวมแดงร้อน)

หากไม่แน่ใจ แพทย์จะยืนยันการวินิจฉัยด้วยการตรวจเลือดหาเชื้อ หรือสารภูมิต้านทานต่อเชื้อชนิดนี้


การรักษาโดยแพทย์

ให้การรักษาตามอาการ เช่น พาราเซตามอลบรรเทาไข้ ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์บรรเทาปวดข้อ เป็นต้น ผู้ป่วยมักจะหายได้เอง โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง และไม่พบภาวะเลือดออกรุนแรงหรือภาวะช็อกแบบไข้เลือดออก


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้ ผื่นขึ้น ปวดข้อ หรือมีไข้ในช่วงที่มีคนในละแวกใกล้เคียงเป็นไข้ปวดข้อยุงลาย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไข้ปวดข้อยุงลาย (ไข้ชิคุนกุนยา) ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    พักผ่อนมาก ๆ ห้ามตรากตรำงานหนักหรือออกกำลังกายมากเกินไป 
    ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยลดไข้ และทดแทนน้ำที่เสียไปเนื่องจากไข้สูง
    ควรกินอาหารอ่อน น้ำข้าว น้ำหวาน น้ำส้ม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มร้อน ๆ
    ใช้ผ้าชุบน้ำ (ควรใช้น้ำอุ่น หรือน้ำก๊อกธรรมดา อย่าใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็ง) เช็ดตัวเวลามีไข้สูง
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีอาการไข้สูง หนาวสั่นมาก หรือมีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์
    มีอาการซึมมาก เบื่ออาหาร อาเจียน หรือมีจุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง
    มีภาวะแทรกซ้อน เช่น หูตึง ตามัว เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) แขนขาอ่อนแรง ชัก เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ทำลายแหล่งเพาะยุงลายบ้านและยุงลายสวน และหาวิธีป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด (ดูหัวข้อ "การป้องกัน ในโรคไข้เลือดออก" เพิ่มเติม)

ข้อแนะนำ

1. การวินิจฉัยไข้ปวดข้อยุงลาย อาศัยลักษณะอาการแสดงของโรคเป็นหลัก ได้แก่ อาการไข้สูง ปวดข้อ มีผื่นแดง หากจำเป็นต้องยืนยันให้แน่ชัด อาจจำเป็นต้องตรวจเลือดหาสารภูมิต้านทานต่อไวรัสชิคุนกุนยา หรือตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสชนิดนี้

2. โรคนี้ส่วนใหญ่หายได้เองและไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แต่สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด) หากเป็นโรคนี้ควรเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดตามมาได้

3. โรคนี้อาจพบระบาดในชุมชน (จากการมียุงลายบ้านเป็นพาหะของโรคนี้ รวมทั้งไข้เลือดออก และไข้ซิกา) และในแหล่งที่มีการทำสวน (เช่น สวนยาง ซึ่งมียุงลายสวนเป็นพาหะของโรคนี้) 

4. ผู้ที่เคยเป็นโรคนี้จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา มักจะไม่เป็นซ้ำอีก แต่อาจเป็นไข้เลือดออก หรือไข้ซิกาได้ เนื่องจากเกิดจากเชื้อไวรัสคนละชนิดกัน และมียุงลายบ้านเป็นพาหะเช่นเดียวกัน

5. ไข้ปวดข้อยุงลาย มักมีอาการไข้สูง มีผื่นแดงตามตัว และปวดข้อเป็นสำคัญ แต่ในบางรายอาจมีจุดแดง (จุดเลือดออกเล็ก ๆ) ตามผิวหนัง การทดสอบทูร์นิเคต์อาจให้ผลบวก และการตรวจนับจำนวนเกล็ดเลือดอาจพบว่าต่ำ (แต่จะต่ำกว่าปกติเล็กน้อย ไม่มากเท่าไข้เลือดออก) ซึ่งมีลักษณะคล้ายไข้เลือดออกระยะแรก แต่ต่างกันตรงที่ไข้ปวดข้อยุงลายมักจะมีอาการข้ออักเสบ (ปวดข้อ ข้อบวมแดงร้อน) ร่วมด้วย มักมีไข้สูงอยู่เพียงประมาณ 2-4 วันก็ทุเลาไปเอง หลังจากไข้ลงแล้ว อาจมีอาการข้ออักเสบเรื้อรัง ในขณะที่ไข้เลือดออกมักมีไข้มากกว่า 4-7 วัน อาจมีอาการปวดท้อง อาเจียน ตับโตร่วมด้วย และอาจมีภาวะเลือดออกหรือภาวะช็อกตามมาได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีไข้สูงในระยะแรก ๆ ยังไม่ได้วินิจฉัยให้แน่ชัดด้วยการตรวจเลือดหาเชื้อต้นเหตุว่าเป็นไข้เลือดออกหรือไข้ปวดข้อยุงลาย จึงควรติดตามสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง (เช่น เกิดภาวะช็อก หรือมีเลือดออก) หรือสงสัยเป็นไข้เลือดออก ก็ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว

8
townhome เฌอเรีย วิซินิตี้ ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ (CHEREA VICINITY Ratchaphruek-Jetsadabodin)
เริ่มต้น 4 ลบ. - 15 ลบ.

เฌอเรีย วิซินิตี้ ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ (CHEREA VICINITY Ratchaphruek-Jetsadabodin)
เฌอเรีย วิซินิตี้ ราชพฤกษ์ - เจษฎาบดินทร์ บนทําเลศูนย์ กลางไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตใกล้ตัวเมือง ทําให้การอยู่อาศัยและ การเดินทางไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่ว่าคุณจะทํางานในตัวเมือง หรือต้องการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ได้สะดวกรวดเร็ว ทั้งการเดินทางด้วยรถส่วนตัว การเดินทางด้วยเรือ หรือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRTA ทําให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

Hestia : เฮสเทีย บ้านเดี่ยว 2 ชั้น
5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
ขนาดที่ดิน 54 ตร.วา, พื้นที่ใช้สอย 235.83 ตร.ม. รวมที่จอดรถและลานซักล้าง
เทพแห่งการครองเรือน ครอบครัว ครอบครัว (เนื่องจากบ้านเดี๋ยวมีขนาดและพื้นที่ใหญ่ เพื่อการรองรับการเริ่มต้นชีวิตครอบครัว)

Gaia : ไกอา บ้านแฝด 2 ชั้น
5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
ขนาดที่ดิน 38.4 ตร.วา, พื้นที่ใช้สอย 188.64 ตร.ม. รวมที่จอดรถและลานซักล้าง
เทพแห่งดิน (เนื่องจากตัวบ้านแฝดมีที่ดินด้านข้างของตัวบ้าน เพื่อรองรับการทำพื้นที่สีเขียว ให้คนในบ้านได้ใกล้ชิดธรรมชาติ)

Aeolus : เอโอลัส ทาวน์โฮม 5.7 ม.
3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และห้องอเนกประสงค์
ขนาดที่ดิน 20.95 ตร.วา, พื้นที่ใช้สอย 137.95 ตร.ม. รวมที่จอดรถและลานซักล้าง
เทพแห่งลม (เนื่องจากเป็นทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5.7 เมตร ลมพัดเข้าถึงได้ง่าย)

Achelous : แอคคิโลอัส ทาวน์โฮม 5.5 ม.
3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และห้องอเนกประสงค์
ขนาดที่ดิน 19.25 ตร.วา, พื้นที่ใช้สอย 123.46 ตร.ม. รวมที่จอดรถและลานซักล้าง
เทพแห่งแม่น้ำ (เนื่องจากโครงการใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นจุดเริ่มต้นของพูดถึงการใกล้แม่น้ำ)

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ          เฌอเรีย วิซินิตี้ ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ (CHEREA VICINITY Ratchaphruek-Jetsadabodin)
 เจ้าของโครงการ     พีซแอนด์ลีฟวิ่ง
 ราคา                  เริ่มต้น 4 ลบ. - 15 ลบ.

 ประเภทบ้าน         บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล        บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ       40 ไร่ 3 งาน 93 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน          298 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด    4 แบบ
  เนื้อที่บ้าน           ตั้งแต่ 19.25 ถึง 54 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย         ตั้งแต่ 123.46 ถึง 235.83 ตร.ม.
 จำนวนชั้น            2 ชั้น
 หน้ากว้าง            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน     ตั้งแต่ 3 ถึง 5 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ     2 คัน

 สาธารณูปโภค
สวนสาธารณะ (CHEREA Connecting Park สวนส่วนกลางขนาดใหญ่, Jogging track, Playground, Bridging Greenery พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่โอบล้อมทั้งโครงการ หลากหลายจุด เข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้ทุกหลัง), คลับเฮาส์ (Inclusive Panoramic Clubhouse ขนาดใหญ่ infinity pool ระบบเกลือ วิวสวน ออกแบบจากแนวคิด organic architect ด้วยเส้นสายโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา รองรับ lifestyle ที่หลากหลายของทุกเพศทุกวัย, Co-working space, clubhouse ประกอบด้วย panoramic gym, ห้องโยคะ, Kids Room), สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, CCTV (24 hr), อื่นๆ (Easy pass access), สนามเด็กเล่น, Jogging Track, Co-working space

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน           นนทบุรี, บางบัวทอง, บางใหญ่, ปากเกร็ด
 ที่ตั้ง           ถนนราชพฤกษ์ - นนทบุรี1 ตำบลบางกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, สถานี(บางซื่อ - บางใหญ่)(บางรักน้อยท่าอิฐ)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, สถานี(บางซื่อ - บางใหญ่)(สะพานพระนั่งเกล้า)
ใกล้ถนนสายหลัก (1. ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี 1 : 4.1 กม. | 4 นาที 2. ถนนบางศรีเมือง 2.1 กม. | 3 นาที 3. ถนนบางกรวยไทรน้อย 4.8 กม. | 7 นาที 4. ถนนประชาราษฎร์ 6.3 กม. | 7 นาที 5. ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี 7.5 กม. | 7-10 นาที)
ขนส่งอื่นๆ ท่าเรือข้ามฟากบางศรีเมือง 3.8 กม.

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง

ห้างสรรพสินค้า

The Walk ราชพฤกษ์ 5.5 กม.
Makro นครอินทร์ 5.5 กม.
Central รัตนาธิเบศร์ 7 กม.
The Mall งามวงศ์วาน 12.2 กม.
Big C ติวานนท์ 7.6 กม.
Chic Republic ราชพฤกษ์ 7.6 กม.
Home Pro ราชพฤกษ์ 4.6 กม.
The Crystal SB ราชพฤกษ์ 5.7 กม.
The Circle ราชพฤกษ์ 10.6 กม.
Central ปิ่นเกล้า 13.9 กม.
Central Westgate 8.6 กม.


โรงพยาบาล

โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า 4.4 กม.
โรงพยาบาลบางใหญ่ 9.4 กม.
กระทรวงสาธารณะสุข 8.1 กม.
โรงพยาบาลยันฮี 13.1 กม.
โรงพยาบาลเกษมรษฎร์ 10.2 กม.
โรงพยาบาลศิริราช 14.9 กม.


สถานศึกษา

โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี 1.8 กม.
โรงเรียนเด่นหน้า 5.6 กม.
โรงเรียนร่วมฤดุ ราชพฤกษ์ 3.4 กม.
โรงเรียนศรีบุณยานนท์ 3.0 กม.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) 9.4 กม.
โรงเรียนสตรีนนทบุรี 9.2 กม.
โรงเรียน โยธินบูรณะ 13.0 กม.


ขนส่งสาธารณะ

รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสะพานพระนั่งเกล้า : 5 กม. | 5 นาที เชื่อมรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินบริเวณสถานีเตาปู
รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ 4.5 กม. | 4-6 นาที เชื่อมรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินบริเวณสถานีเตาปู
ท่าเรือข้ามฟากบางศรีเมือง 3.8 กม. | 6 นาที เชื่อมท่าเรือท่าน้ำนนท์ ข้ามปากไปสาทรประมาณ 30-40 นาที

9
บริหารจัดการอาคาร: เลือกกล้องวงจรปิดอย่างไร ให้เหมาะกับพื้นที่

ในปัจจุบัน สังคมของเรามีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตมากมาย เรียกได้ว่า อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของใครหลายๆคน ทั้งนี้ หลายบ้านยังมีการนิยมติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตใช้ได้เข้าทั่วถึง สามารถใช้การสื่อสารได้ ทำให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แถมระบบอินเตอร์เน็ตนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับกล้องวงจรปิดได้อีกด้วย ทำให้การติดกล้องวงจรปิด สามารถส่งภาพวีดีโอไปยังโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่านสัญญาณไวไฟ ทำให้การดูแลความปลอดภัยให้กับสถานที่ต่าง ๆ ครอบคลุมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น


โดยเฉพาะการติดกล้องวงจรปิดในบ้านของเรา ที่สามารถดูผ่านมือถือได้ จึงเป็นทางเลือกความปลอดภัยที่ดีและทันสมัยที่สุดอย่างหนึ่งในยุคนี้ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า ในสมัยก่อน การติดตั้งกล้องวงจรปิด จะนิยมติดภายในอาคาร สถานที่ต่างๆ แต่การติดตั้งกล้องวงจรปอดภายในบ้าน ยังไม่เป็นที่นิยม แต่ในสมัยนี้กล้องวงจรปิด สามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาที่ไม่แพงมาก มีหลายขนาดให้สามารถเลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ จึงทำให้หลายคนสนใจติดตั้งกล้องในบริเวณบ้านของตัวเองมากยิ่งขึ้น แต่อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า กล้องวงจรปิดก็มีหลายขนาด หลายราคา ซึ่งการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ดีและให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด ก็คือ การเลือกใช้กล้องวงจรปิดให้เหมาะสมกับพื้นที่ และสถานที่ที่เราจะนำมาใช้ ซึ่งทางเราจะมาพูดถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่สนใจอยากจะติดตั้งกล้องภายในบ้าน หรือสถานที่ของตัวเอง เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด


โดยทั่วไปหลักการเลือกซื้อกล้องวงจรปิดสำหรับติดตั้งที่บ้านพักนั้น จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือกล้องติดภายในอาคารและกล้องติดภายนอกอาคาร กล้องวงจรปิดภายในอาคารนั้นอาจเลือกใช้ทั้งแบบมีสาย-ไร้สาย หรือระบบเครือข่ายก็ได้ แต่จะแนะนำให้ใช้กล้องประเภทโดมหรือกล้องวงจรปิดที่มีขนาดเล็ก โดยเฉพาะกล้องไร้สายที่เหมาะกับบ้านชั้นเดียว บ้านที่มีพื้นที่โล่ง และไม่ใหญ่มาก หรือติดเฉพาะภายในห้อง ซึ่งสามารถติดตั้งตามมุมผนังหรือฝ้าเพดานบ้านได้สะดวกและดูเรียบร้อย  ส่วนภายนอกอาคารนั้น ควรเลือกกล้องวงจรปิดแบบมีสาย หรือกล้องแบบเครือข่าย IP Camera เนื่องจากมีความทนทาน ทนต่อสภาพอากาศ กันฝุ่นกันน้ำ และควรเลือกกล้องที่มีวิสัยทัศน์การมองเห็นเวลากลางคืนดี มีฟังก์ชั่นตรวจจับการเคลื่อนไหว


ซึ่งจะช่วยตรวจจับการเคลื่อนที่ของวัตถุหรือตรวจจับผู้บุกรุกได้ หรือถ้าหากอยากจะติดตั้งกล้องในออฟฟิส ควรเลือกกล้องที่เหมาะสำหรับการติดตั้งภายในอาคารและนอกอาคารภายในอาคารแนะนำเป็นกล้องวงจรปิดทรงกระบอกหรืออาจจะเลือกกล้องวงจรปิดที่มีไมค์โครโฟนติดตั้งในห้องที่สำคัญๆ เพื่อดูพฤติกรรมของพนักงาน ในขณะเดียวกัน การติดตั้งกล้องในร้านค้านั้น เป็นสถานที่ที่คนแปลกหน้าเข้าออกบ่อยที่สุด และมีความเสี่ยงต่อการสูญหายของทรัพย์สินเป็นอย่างมาก ควรเลือกกล้องวงจรปิดที่มีความคมชัดสูง ความละเอียดภาพค่อนข้างมาก หากเป็นร้านขนาดเล็กส่วนใหญ่นิยมเป็นกล้องวงจรปิดไร้สายแบบโดมเพราะติดตั้งง่าย ราคาไม่แพง เหมาะสมกับพื้นที่อีกด้วย หากติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้างสรรพสินค้าหรืออาคารขนาดใหญ่


ซึ่งเป็นสถานที่ที่ควรระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุด ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในตัวอาคารให้มองเห็นโดยรอบ ให้ครอบคลุมอาคารมากที่สุด และพื้นที่สุดท้ายคือ ในโรงงานหรือโกงดังสินค้า กล้องวงจรปิดที่นิยมติดตั้งและเหมาะสมที่สุดคือกล้องวงจรปิดระบบ IP Camera เพราะด้วยความเสถียรของระบบและความคมชัดของภาพทั้งภาพกลางวันและกลางคืน จะช่วยเอื้ออำนวยในการตรวจตราความปลอดภัยของสินค้าและตรวจดูพฤติกรรมของพนักงานในขณะทำงานได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ตามที่กล่าวมาข้างต้น ก็เพื่อที่จะได้ให้ทุกคนได้ทราบถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ได้อย่างเหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อที่จะสามารถใช้กล้องวงจรปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะได้เกิดความคุ้มค่าในการเลือกใช้ด้วย

หากต้องการติดตั้งกล้องวงจรปิด ไม่ว่าจะเป็นในอาคารขนาดใหญ่หรือตามบ้านเรือน หรืออยากใช้บริการการซ่อมบำรุงรักษาอาคาร สามารถติดต่อทาง เราได้ เพราะเป้นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบต่างๆภายในอาคาร สามารถให้บริการได้อย่างมืออาชีพ มีการอบรมพนักงานเพื่อให้ความรู้ ให้สามารถรับมือกับปัญหาของลูกค้าและสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลกค้าตามเป้าหมายของเรา

10
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการไม่ดูแลความสะอาดในช่องปากระหว่างการจัดฟันเด็ก

การดูแลความสะอาดของช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพราะเรื่องของปัญหาฟันของเด็ก ถือว่าเป้นเรื่องใหญ่มาก เพราะถ้าเด็กมีฟันผุตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนม อาจจะทำให้เด็กมีปัญหาสุขภาพฟันตามมาในอนาคต พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะแนะนำหรือสอนเด็กให้รู้จักการแปรงฟันที่ถูกต้อง หรือถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างฟัน ควรพาเด็กมาเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาเกี่ยวกับฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ตั้งแต่เด็กยังมีฟันผสม แถมยังช่วยแก้ไขในเรื่องของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้อีกด้วย

แต่ในการเข้ารับการจัดฟัน เด็กจะต้องมีการทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาดมากเป็นพิเศษ คอต้องใส่ใจในเรื่องของการทำคววามสะอาดช่องปากและฟันมากกว่าคนทั่วไป เพราะเนื่องจากการจัดฟันในเด็กนั้น มีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งเป็นปัญหาของผู้เข้ารับการจัดฟันหลายคน ดังนั้น หากเราทำความสะอาดช่อปากและฟันไม่สะอาด อาจจะมีปัญหาตามมาภายหลังได้ สำหรับวันนี้คลินิกของเราจะมาพูดถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น จากการที่ไม่ดูแลความสะอาดช่องปากและฟันในระหว่างการเข้ารับการจัดฟัน ซึ่ง เป็นปัญหาที่หลายคนอาจจะมีความกังวลและพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะมีคำถาม ว่าถ้าหากเด็กแปรงฟันไม่สะอาด จะมีปัญหาใดตามมาและจะร้ายแรวกว่าผู้ที่ไม่เข้ารับการจัดฟันหรือไม่

 หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าหากเราทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดีเท่าที่ควรอาจจะเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาฟันตามมาได้ เช่นเดียวกันกับผู้เข้ารับการจัดฟัน ไม่ว่าจะเป้ฯเด็กหรือผู้ใหญ่ หากไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ดี ก็ทำให้เกิดปัญหาช่องปสกและฟันตามมาอย่างแน่นอน เนื่องจากเชื้อโรคที่หลงเหลืออยู่บนผิวฟัน ซึ่งที่เราเรียกว่าคราบจุลินทรีย์ที่เกิดจากการย่อยสลายอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล แล้วปล่อยกรดออกมากัดกร่อนฟันจนผุในที่สุด นอกจากนั้นแล้ว เชื้อโรคเหล่านี้ยังทำอันตรายต่อเหงือกและอวัยวะรอบ ๆ ฟัน จนเกิดเหงือกอักเสบ บวมเป็นหนอง ฟันโยก ฟันผุตามมาได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น ปัญหาที่เกิดจากการจัดฟัน อาจเกิดจากการไม่ดูแลความสะอาดในช่องปาก ไม่ดูแลเครื่องมือที่นำเข้าในช่องปาก ก็อาจจะทำให้เกิดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้ ทำให้เด็กเสียบุคลิกภาพ ทำให้โดนเพื่อล้อได้

ดังนั้น เด็กที่เข้ารับการจัดฟันใยนเด็กควรที่ทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาด เพราะยิ่งเราละเลย ปัญหาที่ตามมาอาจจะทำให้เกิดความรุนแรงได้ และปัญหาก็จะเกิดการร้ายแรงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหมั่นสังเกตและคอยแนะนำวิธีการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีให้กับบุตรหลานเพื่อที่เด็กจะได้ทำความสะอาดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเกิดฟันผุ ลดโอกาสการเกิดคราบหินปูนด้วย เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเบื้องต้น เพื่อประเมินฟันก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพ่อห้เด้กได้มีสุขภพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็กและมีประสบการณ์ด้านการทันตกรรมในเด็กมาอย่างยาวนาน เพื่อที่จะได้ให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุด หากเด็กมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ทางเราสามารถตรวจและแก้ไขรักษาได้ก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อที่จะได้ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการจัดฟัน เพราะเราอยากให้ทุกคนมีรอยยิ้มที่สดใสสวยงาม มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

11
ทำบุญไหว้พระ 9 วัด จังหวัดนครปฐม อิ่มบุญง่าย ๆ ใกล้กรุง

การไหว้พระ 9 วัด อีกกิจกรรมดี ๆ ในเวลาว่างที่ถือเป็นการพักจิตใจให้สงบและละจากความคิดหรือโลกที่วุ่นวาย อีกทั้งยังนำมาซึ่งความสบายใจอีกด้วย จึงได้รวบรวม 9 วัด ในจังหวัดนครปฐมมาแนะนำกัน เผื่อเป็นไอเดียในวันว่างของคุณ ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้างนั้น มาดูกันเลย
 

1. วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร

          วัดอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ประดิษฐานขององค์พระปฐมเจดีย์ขนาดใหญ่และงดงามแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งจังหวัดนครปฐมยังใช้พระปฐมเจดีย์เป็นตราประจำจังหวัดอีกด้วย พระปฐมเจดีย์ที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นองค์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2396 โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างครอบพระเจดีย์องค์เดิมซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่มีฐานแบบโอคว่ำและมียอดปรางค์อยู่ข้างบน สันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 4


2. วัดไผ่ล้อม

          ตั้งอยู่ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยเกณฑ์ชาวมอญมาช่วยกันบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ และชาวมอญเหล่านี้ตั้งที่พักอยู่บริเวณสวนป่าไผ่ ใกล้พระปฐมเจดีย์ จึงคาดว่าน่าจะเป็นที่มาของชื่อวัด ต่อมามีพระภิกษุมาปักกลดเพื่อบำเพ็ญมรณธรรม เนื่องจากบริเวณนี้เงียบสงบไม่ค่อยมีผู้คนอาศัย ชาวบ้านจึงช่วยกันตั้งเป็นสำนักสงฆ์ และได้อาราธนาพระภิกษุจากวัดพระปฐมเจดีย์มาจำพรรษา

          โดยวัดแห่งนี้ขาดเจ้าอาวาสอยู่นาน กระทั่ง พ.ศ. 2486 ทางคณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้ง พระอาจารย์พูล อตตรกโข ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส แม้ในปัจจุบันท่านได้ละสังขารไปแล้วแต่ก็ยังสร้างปาฏิหาริย์ไว้ ด้วยสรีระของท่านยังคงสภาพเดิมไม่เน่าไม่เปื่อย ทางวัดจึงนำร่างท่านบรรจุโลงแก้วตั้งไว้ที่ศาลากรุวิมานุสรณ์ ให้ลูกศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้


3. วัดพระประโทณเจดีย์

          โบราณสถานที่ตั้งตำบลพระประโทน อำเภอเมืองนครปฐม ห่างจากพระปฐมเจดีย์ไปตามถนนเพชรเกษมทางทิศตะวันออกเป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร รูปทรงเดิมของพระประโทณเจดีย์ เป็นทรงโอคว่ำ ตามลักษณะของเจดีย์สมัยทวารวดี เนื่องจากวัดพระประโทณตั้งอยู่กลางเมืองโบราณนครชัยศรี ในบริเวณมีการขุดพบโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูป เศียรพระพุทธรูปปูนปั้น พระดินเผา รวมทั้งโลหะสำริดรูปพญาครุฑเหยียบนาค รัชกาลที่ 6 ทรงใช้เป็นเครื่องหมายราชการของพระองค์


4. วัดศีรษะทอง

          วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในอำเภอนครชัยศรี  สร้างจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวลาวที่อพยพมาจากเวียงจันทน์ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในขณะที่มีการขุดดินสำหรับสร้างวัดได้พบเศียรพระทองจมอยู่ในดิน จึงถือเป็นนิมิตที่ดี เลยได้ตั้งชื่อวัดนี้ว่า "วัดหัวทอง" ต่อมาทางการได้ขุดคลองเจดีย์บูชา แยกจากแม่น้ำนครชัยศรี ไปยังองค์พระปฐมเจดีย์ คลองนี้ผ่านพื้นที่ทางตอนใต้ของวัดหัวทองและหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงอพยพมาอยู่ใกล้คลองเพราะสะดวกในการคมนาคม วัดนี้จึงย้ายจากที่เดิมมาอยู่ใกล้คลองเจดีย์บูชาและเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดศีรษะทอง"

          วัดศีรษะทองมีประชาชนจำนวนมากนิยมมานมัสการพระราหูเพื่อความเป็นสิริมงคล ด้วยคติความเชื่อที่ว่าพระราหูนั้นเป็นเทพซึ่งสามารถบันดาลประโยชน์และโทษให้เกิดขึ้นกับบุคคลหรือสิ่งต่าง ๆ ได้ ดังนั้นจึงเกิดพิธีกรรมในการบูชาพระราหูขึ้นเพื่อช่วยให้โชคร้ายอันอาจจะเกิดขึ้นนั้นบรรเท่าลง หรือกลับแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งดีงามกับชีวิต โดยสามารถไหว้บูชาพระราหูได้ทุกวัน (ยกเว้นวันพระ)


5. วัดกลางบางแก้ว

          วัดโบราณริมแม่น้ำท่าจีน แต่เดิมชื่อ "วัดคงคาราม" ตั้งอยู่ที่ตำบลนครชัยศรี อำเภอนครชัยศรี ภายในมีโบสถ์ วิหาร และพระประธานเก่าแก่ ซึ่งนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในมีพิพิธภัณฑ์พระพุทธวิถีนายก เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุและศิลปะวัตถุล้ำค่าต่าง ๆ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ของอดีตเจ้าอาวาส 2 รูป คือ หลวงปู่บุญ หรือท่านเจ้าคุณพุทธวิถีนายก (บุญ ขันธโชติ) ซึ่งปกครองวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2429–2478 และหลวงปู่เพิ่ม พระพุทธวิถีนายก (เพิ่ม ปุญญวสโน) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่บุญและสืบตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดต่อมา


6. วัดไร่ขิง พระอารามหลวง

          วัดเก่าแก่ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน บริเวณตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน วัดแห่งนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ ทรงพระราชทานนามว่า  "วัดมงคลจินดาราม (ไร่ขิง)" แต่ชาวบ้านเรียกกันเต็ม ๆ ว่า "วัดมงคลจินดารามไร่ขิง" จนกระทั่งเหลือแต่ชื่อ "วัดไร่ขิง" อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างเมื่อใด อาศัยจากคำบอกเล่าว่า สร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2394 สมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พุก) รัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา เมื่อสร้างวัดเสร็จได้อัญเชิญพระพุทธรูปมาจากวัดศาลาปูน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาประดิษฐานไว้เป็นพระประธานวัด ชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อวัดไร่ขิง" เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัยแบบประยุกต์ หน้าตักกว้าง 4 ศอก 2 นิ้ว สูง 4 ศอก 16 นิ้วเศษ ประดิษฐานอยู่บนฐานอยู่บนฐานชุกชี 5 ชั้น เบื้องหน้าผ้าทิพย์ปูทอดลงมา ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ภายในอุโบสถ


7. วัดบางพระ

          วัดชื่อดังที่ตั้งอยู่ที่ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาช่วง พ.ศ. 2220 ทางวัดได้รับการอุปถัมภ์จากชาวบ้านมาโดยตลอดมา เจ้าอธิการหิ่ม อินทโชโต เจ้าอาวาสวัดบางพระในสมัยนั้น จึงชักชวนพระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านมาร่วมกันก่อพระสร้างอุโบสถหลังใหม่ และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2470 และเมื่อ หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ เป็นเจ้าอาวาสวัดบางพระ ท่านได้ทำการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ

          วัดแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก เช่น พระบรมสารีริกธาตุ (จากประเทศศรีลังกา) รอยพระพุทธบาทจำลอง หลวงพ่อโต (พระประธานในอุโบสถหลังใหม่) รูปหล่อสิทธิมงคล (พระประธานในอุโบสถหลังเก่า) รูปหล่อเหมือนหลวงปู่หิ่ม หลวงปู่ทองอยู่ หลวงปู่เปลี่ยน สังขารพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) รวมถึงเป็นที่นิยมของนักสักยันต์ เพราะ พระครูอนุกูลพิศาลกิจ (หลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน สามารถปลุกเสกและทำคุณไสยในยันต์ได้


8. พุทธมณฑล

          สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ตั้งอยู่ที่ตำบลศาลายา มีพื้นที่ประมาณ 2,500 ไร่ เป็นสถานที่ซึ่งรัฐบาลและประชาชนชาวไทยร่วมใจกันจัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2500 เนื่องในโอกาสที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาได้ถึง 2,500 ปี บริเวณจุดศูนย์กลางของพุทธมณฑลเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา เป็นพระประธานของพุทธมณฑลมีความสูง 2,500 กระเบียด (ประมาณ 15.875 เมตร) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามว่า "พระศรีศากยะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์" รอบองค์พระประธานเป็นสถานที่จำลองของสังเวชนียสถาน 4 ตำบล คือ ตำบลอันเป็นที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน

          นอกจากนี้ยังมีศาสนสถานที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ พระวิหารพุทธมณฑล ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช และที่พำนักสงฆ์อาคันตุกะ หอประชุมทางกิจการพระพุทธศาสนา ศาลาปฏิบัติกรรมฐาน  พิพิธภัณฑ์ทางพุทธศาสนา หอสมุดพระพุทธศาสนา สวนไม้ดอกไม้ประดับต่าง ๆ และในปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีในวันสำคัญทางศาสนา


9. วัดไร่แตงทอง

          วัดศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมเดินทางไปกราบไหว้ "รูปหล่อหลวงปู่หลิวนั่งหลังเต่าเรือน" อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน อีกทั้งยังมีความเชื่อกันว่าหากได้ลอดใต้ท้องพญาเต่าเรือนทองจะมีสุขภาพแข็งแรง หายจากโรคภัยไข้เจ็บ และนิยมไปขอโชคลาภ

          ใครที่สนใจก็สามารถเดินทางไปได้ที่จังหวัดนครปฐม แอบกระซิบนิดหนึ่งว่าบริเวณใกล้เคียงของวัดต่าง ๆ ยังมีย่านของกินเด็ด ๆ ให้ไปลิ้มรสกันอีกด้วย เรียกว่าอิ่มบุญ อิ่มใจ สบายท้องกันถ้วนหน้า

12
motor expo New Toyota Corolla Altis ปรับปรุงใหม่ นำโดย HEV GR Sport สปอร์ตเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยการตกแต่งสไตล์ TOYOTA GAZOO Racing

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ NEW COROLLA ALTIS ออกแบบใหม่ในรุ่น HEV GR SPORT สปอร์ตเร้าใจยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ทั้งภายนอก และภายในที่ตกแต่งสไตล์ TOYOTA GAZOO Racing โดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม มั่นใจได้ในขุมพลังไฮบริด แบตเตอรี่ไฮบริดใหม่ แบบ Lithium-ion ตอกย้ำแนวคิด TOYOTA TRUSTED HEV ประหยัดน้ำมัน ศูนย์บริการและช่างผู้เชี่ยวชาญที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงแนะนำทางเลือกสีภายนอกใหม่ในทุกรุ่นย่อย พร้อมส่งมอบความคุ้มค่าคุ้มราคาให้กับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 นี้ เป็นต้นไป

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ส่ง NEW COROLLA ALTIS รถยนต์นั่งยอดนิยมของคนไทย ที่มาพร้อมความคุ้มค่า และโดดเด่นด้าน QDR ได้แก่ Quality คุณภาพ, Durability ความทนทาน และ Reliability ความน่าเชื่อถือ ด้านสมรรถนะการขับขี่ เหนือกว่าด้วย Toyota New Global Architecture หรือ TNGA ทนทานต่อแรงบิดได้เป็นอย่างดี แข็งแกร่ง และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ตอบสนองแม่นยำ ทำให้มีการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม สามารถควบคุมรถได้ดั่งใจ และมอบทัศนวิสัยดีเยี่ยม โดย NEW COROLLA ALTIS ยังคงโดดเด่นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน สามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อล้ำสมัยอย่างแอปพลิเคชัน T-CONNECT และมั่นใจได้สูงสุดด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก

NEW COROLLA ALTIS นำโดยรุ่น HEV GR SPORT ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฮบริดที่สร้างชื่อเสียงและความไว้วางใจในประเทศไทยกับเทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้า ด้วยแนวคิด "TOYOTA TRUSTED HEV" ที่ผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างลงตัว ประหยัดยิ่งกว่าเคยด้วยอัตราการใช้น้ำมัน 23.8 กิโลเมตร/ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ออกแบบสะท้อนจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต ภายนอกดีไซน์สไตล์ GR ทั้งกระจังหน้า, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา, ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว, ไฟท้าย Full LED แบบ Clear Lens มาพร้อมทางเลือกสีภายนอกใหม่ Platinum White Pearl with Black Roof และ Red Mica Metallic with Black Roof ภายในตกแต่งพิเศษ มอบอารมณ์สปอร์ต ด้วยการตกแต่งด้ายสีแดงบริเวณเบาะนั่ง และมีการตกแต่งสัญลักษณ์ GR ตามจุดต่างๆ รวมทั้งมีการปรับจูนเพื่อให้ตัวรถมีสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น ทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า, Shock Absorber, Coil Spring และ Rear Stabilizer Bar โดย NEW COROLLA ALTIS อีก 3 รุ่นย่อย ยังมาพร้อมกับสีภายนอกใหม่ คือสีเทา Cement Gray Metallic
 

เร้าใจสไตล์ GAZOO Racing ทั้งดีไซน์ และสมรรถนะด้วย NEW COROLLA ALTIS รุ่น HEV GR SPORT เครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร ที่สะท้อนจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ GR ผสานความสปอร์ตกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร แบตเตอรี่ไฮบริดแบบ Lithium-ion พร้อมการปรับแต่งสมรรถนะสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าและพาร์ทช่วงล่าง พร้อมทางเลือกสีภายนอกใหม่ 2 สี

การออกแบบใหม่ เฉพาะรุ่น GR SPORT จะมี กันชนหน้าและกระจังหน้าสีดำเงา ใหม่, หลังคาสีดำเงา ใหม่, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา ใหม่, ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว ใหม่ และ ไฟท้าย Full LED แบบ Clear Lens ใหม่

ภายในมีการเพิ่มความสปอร์ตในหลาย ๆ จุด อาทิ เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต หนัง Suede แบบเจาะรูและหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และ Lumbar Support แบบไฟฟ้า ใหม่, เข็มขัดนิรภัยสีแดงสไตล์ GR SPORT ใหม่

ภายในเดินด้ายสีแดง ตกแต่งสีแดงและสีเงิน Smoked Silver ใหม่, พวงมาลัยตกแต่งสัญลักษณ์ GR ใหม่, ปุ่ม Push Start และ Smart Key ตกแต่งสัญลักษณ์ GR

สมรรถนะโดดเด่น มั่นใจ ปรับแต่งพิเศษ เฉพาะรุ่น GR SPORT ด้วย Electric Power Steering พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ปรับแต่งเฉพาะรุ่น GR SPORT ใหม่, Shock Absorber ดูดซับแรงสั่นสะเทือนให้การขับขี่มั่นใจได้มากยิ่งขึ้น, Coil Spring คอยล์สปริงปรับแต่งโดยเฉพาะเพื่อการขับขี่ที่มั่นคงและนุ่มนวลและRear Stabilizer Bar ลดอาการโคลงขณะเข้าโค้ง ยึดเกาะถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมาพร้อม แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ใหม่, สัญลักษณ์ TOYOTA HEV ใหม่

นอกจากนี้ HEV GR SPORT ยังมี ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Light Guiding, จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay  และ  Android Auto แบบไร้สาย, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ HUD (Head Up Display), อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา, nanoeX ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารช่วยขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค,
Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ, เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)

HEV PREMIUM & 1.8 Sport

NEW COROLLA ALTIS รุ่น HEV PREMIUM มั่นใจสูงสุด ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตรจากโตโยต้า ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ด้วยอัตราการใช้น้ำมัน 23.8 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ E-CVT

ทำงานร่วมกับช่วงล่าง TNGA จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวและเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างหลังอิสระแบบ Double Wishbone ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ เกาะถนนดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม และระบบความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense พร้อมสีภายนอกใหม่ สีเทา Cement Gray Metallic ใหม่ แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ใหม่, สัญลักษณ์ TOYOTA HEV ใหม่

อีกทางเลือกในการขับขี่ด้วย 1.8 Sport กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังส่งสูงถึง 140  แรงม้า ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift ทำงานร่วมกับช่วงล่าง TNGA ที่มาพร้อมกับจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วงล่างหลังอิสระแบบ Double Wishbone ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ควบคุมง่าย ระบบความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense และตัวเลือกสีภายนอกใหม่ สีเทา Cement Gray Metallic

ภายนอกของ  HEV PREMIUM มากับกระจังหน้าดีไซน์ Polygon, ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Light Guidingและไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วโครเมียม, ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ส่วน 1.8 Sport จะเป็นกระจังหน้าดีไซน์ Polygon และไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วโครเมียม โดยทั้งคู่จะได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

HEV PREMIUM

ส่วนภายในของทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็จะได้หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ ได้ถึง 0 กม./ชม. (All Speed Dynamic Radar Cruise Control), ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ และระบบเบรกมือไฟฟ้า


ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, เบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์, เบาะนั่งด้านคนขับ ปรับไฟฟ้า  8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support แบบไฟฟ้า, เบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ 60:40 พร้อมที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ, Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย, เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)

NEW COROLLA ALTIS รุ่น 1.6G คุ้มค่า สเปกครบครัน ประหยัดน้ำมันด้วย เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย เบาะนั่ง สะดวกสบาย กว้างขวาง เพิ่มความยืดหยุ่นของพื้นที่เก็บสัมภาระด้วยเบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60:40 พร้อมที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ทั้งยังปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยสัญญาณเตือนกะระยะ และจอมองภาพขณะถอยหลัง มาพร้อมตัวเลือกสีภายนอกใหม่สีเทา Cement Gray Metallic


และสเปกที่คุ้มค่า เป็นเจ้าของได้ในราคาที่เข้าถึงง่าย ภายนอกมากับกระจังหน้าสีดำสไตล์สปอร์ต, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ส่วนภายในมากับหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง


กับเบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ 60:40, กล้องมองภาพขณะถอยหลัง และสัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ และ  Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย 

เลือกเป็นเจ้าของ NEW COROLLA ALTIS
รุ่น HEV GR SPORT ราคา 1,129,000 บาท
รุ่น HEV PREMIUM ราคา 1,009,000 บาท
รุ่น 1.8 SPORT ราคา 979,000 บาท
รุ่น 1.6G ราคา 894,000 บาท

สำหรับสีภายนอกพิเศษ เฉพาะรุ่น HEV GR SPORT จะมี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Platinum White Pearl with Black Roof ใหม่ (ราคาเพิ่ม 15,000 บาท), สีแดง Red Mica Metallic with Black Roof ใหม่ (ราคาเพิ่ม 10,000 บาท) และ สีดำ Attitude Black Mica ส่วนสีภายนอก รุ่น HEV PREMIUM, 1.8 SPORT และ 1.6G จะมี 5 สีให้เลือกได้แก่ สีเทา Cement Gray Metallic ใหม่ (ราคาเพิ่ม 10,000 บาท), สีขาวมุก Platinum White Pearl (ราคาเพิ่ม 10,000 บาท), สีเงิน Metal Stream Metallic, สีเทา Celestite Gray Metallic และ สีดำ Attitude Black Mica

พิเศษสุด ตัดสินใจเป็นเจ้าของ NEW COROLLA ALTIS ทั้ง 4 รุ่น ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 รับข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 1.65% (คำนวณที่ดาวน์ 25% ขึ้นไป นาน 48 เดือน สำหรับผู้ซื้อ ที่ผ่านการอนุมัติโตโยต้าลีสซิ่ง) และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง PHYD*
สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด ขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี พร้อม รับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (รุ่น HEV GR SPORT และรุ่น HEV PREMIUM)
รับข้อเสนอพิเศษขยายระยะเวลาการคุ้มครอง (มูลค่า 30,000 บาท) ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด จาก TCFR Plus+
พิเศษอีกสองต่อ กับ TOYOTA CARNIWOW "เทศกาลออกรถสุดว้าว" ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น
WOW ที่ 1 เพียงสแกน QR Code ผ่านทางสื่อประชาสัมพันธ์ และนำ SMS ไปแสดง ณ โชว์รูมที่ต้องการจองรถหรือที่ปรึกษาการขาย รับส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท หรือส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 1.5%
WOW ที่ 2 เพียงลงทะเบียน WOWที่ 1 และออกรถภายใน 31 ธันวาคม 2567 ลุ้นรับรางวัล WOW ที่ 2 ต่ออีกเพียบ
* เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน
 
สัมผัสความตื่นเต้น เร้าใจใหม่ กับ NEW COROLLA ALTIS ณ Toyota ALIVE บางนา และโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
และที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
วันที่ 14-17 พฤศจิกายน    2567 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต 
วันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่
วันที่ 11-15 ธันวาคม 2567 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่
วันที่ 5-19 มีนาคม 2568 ณ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ โคราช
วันที่ 27-30 มีนาคม 2568 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เชียงราย

พลาดไม่ได้ กับการโชว์สมรรถนะของ NEW COROLLA ALTIS รุ่น “HEV GR SPORT” โดยนักแข่ง TOYOTA GAZOO Racing Team Thailand
ในช่วง Night Show ของการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing Thailand สนามที่ 4 วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ และภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 “Thailand International Motor Expo 2024” วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ  อาคารชาเลนเจอร์1-3 อิมแพค เมืองทองธานี

13
ต้องการเงินด่วน เลือก "สินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่ม" ดีกว่าจริงหรือ?

การขอสินเชื่อรถแลกเงิน โดยปกติจะมีให้บริการ 2 รูปแบบ คือสินเชื่อรถแลกเงินแบบจำนำทะเบียน และสินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่จำนำทะเบียน ซึ่งทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกัน คือ (1) สินเชื่อรถแลกเงิน แบบจำนำทะเบียน ที่ผู้กู้จะต้องโอนเล่มทะเบียนรถฉบับจริงให้กับผู้ให้บริการสินเชื่อ โดยในสมุดทะเบียนรถ จะถูกเปลี่ยนชื่อเพื่อใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้สินเชื่อ และ (2) สินเชื่อรถแลกเงิน แบบไม่จำนำทะเบียน โดยผู้กู้ทำเพียงนำเล่มทะเบียนมาฝากไว้กับผู้ให้บริการสินเชื่อ โดยจะทำเป็นเอกสารโอนลอย เพื่อไว้ใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้สินเชื่อเท่านั้น ซึ่งหากต้องการเงินด่วน เลือก "สินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่ม" ดีกว่าจริงหรือ? ไปหาคำตอบกันค่ะ 
 
สินเชื่อรถแลกเงิน แบบไม่จำนำทะเบียน (ไม่โอนเล่ม) : ผู้กู้เพียงนำเล่มทะเบียนมาฝากไว้กับผู้ให้บริการสินเชื่อ โดยจะทำเป็นเอกสารโอนลอย เพื่อไว้ใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้สินเชื่อเท่านั้น ชื่อบนสมุดทะเบียนรถยังเป็นชื่อของผู้กู้เหมือนเดิม ไม่มีการโอนเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์รถแต่อย่างใด เมื่อผู้กู้ผ่อนชำระสินเชื่อหมดก็สามารถรับเล่มทะเบียนรถคืนได้
 

ข้อดี-ข้อเสีย ของสินเชื่อรถแลกเงิน แบบไม่จำนำทะเบียน
 

ข้อดี
 
ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ยังเป็นชื่อของเราเอง ไม่ต้องโอนไปโอนมาระหว่างผู้ให้บริการ และตัวเจ้าของ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องนำเล่มไปไว้ที่ผู้ให้บริการสินเชื่อ หรือสถาบันการเงินเก็บไว้เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ได้รับอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ถ้าหากเราต้องการปิดบัญชีก่อนกำหนด ผู้ให้บริการสินเชื่อก็จะคิดดอกเบี้ยสิ้นสุด ณ วันที่ปิดบัญชีเท่านั้น ไม่ต้องรวมกับดอกเบี้ยในปีที่เหลือ
ไม่ต้องเสียค่าโอนรถ ค่าอากรโอนรถ ให้ยุ่งยากและสิ้นเปลือง
ไม่ต้องแบกรับภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งแบบโอนเล่มนั้นจะนำ VAT 7%ไปรวมกับยอดผ่อนชำระด้วย


ข้อเสีย
 
อัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่าแบบโอนเล่ม แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่า แต่ยอดผ่อนชำระรายเดือน จะไม่ถูกคิด VAT 7%
วงเงินกู้ที่ได้รับอาจน้อยกว่าแบบโอนเล่มทะเบียน เนื่องจากหลักประกันแตกต่างกับการโอนเล่ม
สรุปแล้ว หากวัตถุประสงค์ของผู้ขอสินเชื่อ คือ ต้องการเงินด่วน การตัดสินใจเลือกสินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่ม ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ เพราะไม่ต้องเสียเวลาทำเรื่องเอกสารการโอนเล่มที่กรมขนส่งทางบก แต่ก็อาจจะได้วงเงินกู้ที่น้อยกว่า และเสียดอกเบี้ยมากกว่า การขอสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่มสักหน่อยนะคะ  และอาจจะต้องเสียดอกเบี้ยมากกว่า

14
อาหารสุขภาพบำรุงกระดูก อร่อยง่ายได้ประโยชน์

อาหารบำรุงกระดูกมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายอยู่ไม่น้อย เพราะอาจช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกตั้งแต่อายุยังน้อย และลดความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดกับกระดูก ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายเมื่อมีอายุมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกอ่อน โรคกระดูกพรุน ภาวะกระดูกหักจากอุบัติเหตุหรือหกล้ม บทความนี้ได้รวบรวมอาหารที่มีประโยชน์ต่อกระดูกและหารับประทานได้ง่ายมาฝาก

ปกติแล้ว กระดูกของคนเราจะมีสุขภาพที่ดีและคงความแข็งแรงไว้ได้ก็ต่อเมื่อได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือแคลเซียมและวิตามินดี โดยแคลเซียมจะช่วยสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ส่วนวิตามินดีจะช่วยควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสเฟตภายในร่างกาย


โดยในแต่ละวัน ร่างกายต้องการปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีดังนี้

    แคลเซียม : ผู้ใหญ่ทั่วไปควรได้รับแคลเซียมในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม หากมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับในปริมาณ 1,000-1,200 มิลลิกรัม
    วิตามินดี : ผู้ที่มีอายุ 1-70 ปี ควรได้รับวิตามินดีในปริมาณ 600 IU หากอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป ควรได้รับในปริมาณ 800 IU

นอกจากแคลเซียมและวิตามินดีแล้ว ยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและการพัฒนาของกระดูก เช่น โปรตีน ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส สังกะสี วิตามินเค เป็นต้น


5 อาหารบำรุงกระดูก หาง่ายใกล้ตัว

การรับประทานอาหารให้ครบตามหลักโภชนาการเป็นวิธีดูแลร่างกายง่าย ๆ ที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการสร้างกระดูกให้แข็งแรงเป็นอย่างมาก มาดูตัวอย่างอาหารบำรุงกระดูกที่เหมาะสำหรับคนทุกช่วงวัย ดังนี้

1.    ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็น

    ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นแหล่งวิตามินดีที่มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะปลาที่หาซื้อได้ง่าย เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นกรดไขมันจำเป็นอย่างกรดไขมันโอเมก้า 3 ยังมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกอีกด้วย


2.    ผักใบเขียว

    ผักที่มีใบสีเขียวเข้มหลายชนิดอุดมไปด้วยแคลเซียม ไม่ว่าจะเป็นคะน้า บร็อคโคลี่ ผักกะเฉด ใบยอ ใบชะพลู หรือบ็อกฉ่อย อีกทั้งยังมีวิตามินเคซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนด้วย ซึ่งผักแต่ละชนิดจะให้แคลเซียมในปริมาณที่มากน้อยต่างกันไป ผู้บริโภคควรคำนึงถึงชนิดของผักและปริมาณในการรับประทานที่พอเหมาะร่วมด้วย เช่น ใบยอและใบชะพลูไม่ควรรับประทานในปริมาณมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดนิ่วในไตหรือในกระเพาะปัสสาวะได้


3.    ผลิตภัณฑ์จากนม

    สิ่งแรก ๆ ที่เรานึกถึงเมื่อพูดถึงแคลเซียมก็คงจะเป็นนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม อย่างชีสหรือโยเกิร์ต แต่จริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังให้โปรตีน โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพกระดูกเช่นกัน ในปัจจุบันมีการเติมสารอาหารที่ร่างกายต้องการเพิ่มมากขึ้นลงไปในนม เราจึงเห็นนมสูตรเพิ่มวิตามินดีหรือแร่ธาตุอื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภคนั่นเอง


4.    ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง

    เต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองล้วนเป็นผลผลิตของถั่วเหลืองที่มีโปรตีนอยู่ปริมาณมาก แต่แค่โปรตีนอาจไม่เพียงพอ นมถั่วเหลืองพร้อมดื่มจึงมีการเพิ่มเติมวิตามินดี แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ลงไป ซึ่งสามารถนำมารับประทานแทนนมสำหรับผู้ที่ไม่ชอบดื่มนมหรือผู้ที่รับประทานมังสวิรัติได้


5.    ไข่

    หลายคนคุ้นเคยกับการรับประทานไข่ในเมนูต่าง ๆ เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่าไข่แดง 1 ฟองนั้นมีวิตามินดีถึง 40 IU โดยประมาณ ส่วนไข่ขาวจะอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง หากต้องการรับประทานมากขึ้น ควรพิจารณาอาหารชนิดอื่น ๆ ที่รับประทานร่วมกันในวันนั้นด้วย เนื่องจากไขมันบางประเภทอาจส่งผลต่อสุขภาพได้

สุดท้ายนี้ สุขภาพกระดูกและสุขภาพโดยรวมจะแข็งแรงไปพร้อมกันได้หากรับประทานอาหารครบทุกหมู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากการรับประทานอาหารบำรุงกระดูกแล้ว ที่สำคัญต้องไม่ลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพร่วมด้วย หากมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพกระดูก ความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูก หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับกระดูก ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างเหมาะสม

15
บ้านใหม่ 2024: อภิทาวน์ นครปฐม (เพชรเกษม-นครชัยศรี) (Apitown Nakhon Pathom (Petchkasem-Nakhonchaisri))
เริ่มต้น 3.59 ลบ. - 8 ลบ.

อภิทาวน์ นครปฐม (เพชรเกษม-นครชัยศรี) (Apitown Nakhon Pathom (Petchkasem-Nakhonchaisri))
บ้านแฝด บ้านเดี่ยว พรีเมียมทาวน์โฮม โครงการใหม่ อุ่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัย Katsan อลังการฟิตเนส และ สระว่ายน้ำ ใกล้จุดขึ้นลงมอเตอร์เวย์ใหม่ ติดถนนเพชรเกษม - ใกล้นครชัยศรี

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              อภิทาวน์ นครปฐม (เพชรเกษม-นครชัยศรี) (Apitown Nakhon Pathom (Petchkasem-Nakhonchaisri))
 เจ้าของโครงการ         เอพี (ไทยแลนด์)
 แบรนด์ย่อย              อภิทาวน์
 ราคา                     เริ่มต้น 3.59 ลบ. - 8 ลบ.

 ประเภทบ้าน          บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล         บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ       35 ไร่ 2 งาน 91 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน           232 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
  เนื้อที่บ้าน            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 หน้ากว้าง            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนที่จอดรถ      โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค       สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, Keycard System

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        นครปฐม, พุทธมณฑล, นครชัยศรี, สามพราน
 ที่ตั้ง        ตำบล ท่าตำหนัก อำเภอนครชัยศรี นครปฐม 73120

 ขนส่งสาธารณะ       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง

ห้างสรรพสินค้า
Lotus’s นครชัยศรี
Central ศาลายา
Global House ศาลายา
HomePro ศาลายา

สถานศึกษา
รร.สาธิตวิทยา
รร.ภัทรญาณวิทยา
รร.พลอยจาตุรจินดา
รร.อุบลรัตนราชกัญญาราชวิทยาลัย
ม.มหิดล

สถานพยาบาล
รพ.กรุงเทพสนามจันทร์
รพ.นครชัยศรี
รพ.นครปฐม
ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ม.มหิดล

หน้า: [1] 2 3 ... 17






















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า